ยาพาราเซตามอล

• การออกฤทธิ์ ไปยับยั้งการสร้างสารโพรสตราแกลนดิน (prostaglandin) ในสมอง เหมาะสำหรับบรรเทาอาการปวดระดับเล็กน้อยจนถึงปานกลาง เช่น ปวดหัว ปวดจากภาวะข้อเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอก

• การใช้ สำหรับผู้ใหญ่ ต่อการกินยา 1 ครั้ง ควรมีตัวยาพาราเซตามอลไม่เกิน 650 มิลลิกรัม หากอาการปวดยังคงอยู่ การกินยาซ้ำต้องเว้นห่างกัน 4-6 ชั่วโมง โดยขนาดสูงสุดต่อวันต้องไม่เกิน 2,600 มิลลิกรัมไม่ควรกินยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน 5-7 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากการกินยาเกินขนาดสามารถที่จะกินยาได้ทันทีเมื่อมีอาการ เพราะยาไม่มีผลระคายเคืองกระเพาะอาหาร

• ข้อควรระวัง ระวังในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่อง หรือผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง อาจต้องมีการปรับลดขนาดยาลงในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ระวังในการใช้ร่วมกับยาอื่นที่มีส่วนประกอบของพาราเซตามอลอยู่ด้วย เช่น ยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ หรือยาบรรเทาอาการหวัดบางยี่ห้อ ที่อาจทำให้ได้รับยาพาราเซตามอลมากเกินขนาด นำไปสู่การเกิดพิษต่อตับได้

 

ยาแอสไพริน

• การออกฤทธิ์ ไปยับยั้งเอนไซม์ในร่างกายที่ทำให้เกิดการสร้างสารอักเสบ ส่งผลให้บรรเทาอาการปวดและอักเสบ รวมถึงมีผลทำให้เกล็ดเลือดเกาะกลุ่มกันได้ยาก

• การใช้ สำหรับผู้ใหญ่ ยาแอสไพรินในขนาดที่สูง ได้แก่ 325-650 มิลลิกรัมต่อครั้ง จะให้ผลในการบรรเทาอาการปวดและอักเสบ ในขณะที่ขนาดยาที่ต่ำ ได้แก่ 75-150 มิลลิกรัมต่อวัน ให้ผลรบกวนการทำงานของเกล็ดเลือดไม่ให้เกาะกลุ่มกัน จึงมีการนำยาแอสไพรินในขนาดต่ำมาใช้เป็นยาต้านการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือดแอสไพรินมีผลระคายเคืองกระเพาะอาหาร ควรกินยาหลังอาหารทันที

• ข้อควรระวัง ผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้อยู่เดิม ควรระวังการใช้ยาแอสไพริน เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการผื่นลมพิษได้ง่ายกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินในผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้เลือดออก เนื่องจากฤทธิ์ในการต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดเลือดออกผิดปกติ และเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้

 

อ่านฉลากยาทุกครั้ง ก่อนกิน

ภก.ทศพล เลิศวัฒนชัย

 

ที่มา : health.haijai