ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์

http://www.thaihealth.or.th/

เรื่องโดย : รศ.พญ.สุพร ตรีพงษ์กรุณา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เชื่อว่าคุณแม่หลายท่านคงประสบปัญหาภาวะท้องผูกสําหรับลูกสุดที่รัก ซึ่งเป็นปัญหาที่ทรมานจิตใจคุณแม่มาก เพราะเด็กจะร้องไห้ อึดอัด หงุดหงิดร้องไห้เวลาเบ่งแล้วไม่ออก

 

 

ภาวะท้องผูกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็ก โดยพบประมาณร้อยละ 5–10 ของอาการท้องผูกแบบกะทันหัน มักมีสาเหตุจากโรคทางกาย แต่ในรายที่มีอาการค่อยเป็นค่อยไปแบบเรื้อรังมักไม่ใช่สาเหตุจากโรคทางกายที่ร้ายแรง ฉะนั้น มาร่วมสังเกตอาการจากข้อมูลอาการท้องผูกของลูกกันดีกว่า

ท้องผูกมีอาการอย่างไร

- ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป

- ถ่ายอุจจาระลําบาก ต้องเบ่งนาน ๆ

- อุจจาระแข็งเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยเหมือนขี้แพะ

- อาจมีอาการปวดบริเวณทวารหนัก หรือบางครั้งมีเลือดปนออกมาด้วยนําไปสู่ภาวะแทรกซ้อน ทําให้มีบาดแผลที่ทวารหนัก เมื่อเด็กเจ็บเวลาถ่าย เด็กจะกลั้นอุจจาระมากขึ้น

ปกติเด็กถ่ายอุจจาระบ่อยเพียงใด ความถี่ในการถ่ายอุจจาระของเด็กปกติจะแปรเปลี่ยนไปตามอายุ

- เด็กแรกเกิด อาจถ่ายมากกว่า 4 ครั้งใน 1 วัน เด็กที่กินนมแม่ อุจจาระจะมีลักษณะนิ่มและสีเหลืองทอง หากกินนมผสมจะถ่ายเป็นลํายาวนิ่มสีเขียวเทา ๆ

- เด็กอายุ 4 เดือน อาจลดลงมาเหลือ 2 ครั้งใน 1 วัน

- เด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป อาจถ่ายวันละ 1 ครั้ง

การปฏิบัติเพื่อลดอาการท้องผูกในเด็ก

1. กระตุ้นให้เด็กรับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยมากขึ้น เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม เพราะใยอาหารจะช่วยเพิ่มกากอาหารหรือปริมาณเนื้ออุจจาระและอุ้มน้ำ ทําให้อุจจาระอ่อนตัวขับถ่ายได้สะดวกขึ้น รวมทั้งดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน

2. ฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน โดยฝึกการรับประทานอาหาร เมื่อท้องอิ่มจะกระตุ้นลําไส้ให้อยากถ่ายอุจจาระตามธรรมชาติ สําหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ควรฝึกนั่งกระโถนหรือชักโครก โดยให้เท้าวางกับพื้นได้อย่างมั่นคง ผู้ปกครองควรจะอยู่ใกล้ ๆ ไม่ควรดุหรือทําโทษ เพราะจะทําให้เด็กเครียด มีความรู้สึกไม่ดีกับการขับถ่าย ให้คําชมเมื่อเด็กปฏิบัติได้ดีทุกครั้งที่รู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ ให้ถ่ายทุกครั้ง ไม่ควรกลั้นอุจจาระไว้

3. ใช้ยาระบายในกรณีที่การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการฝึกขับถ่ายไม่ได้ผล ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวนี้จะต้องได้รับคําแนะนำจากแพทย์เท่านั้น อาหารสําหรับเด็กเล็ก คือให้นมตามปกติ สําหรับทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไปควรผสมผักสับตุ๋นในข้าวบดละเอียดและควรเพิ่มน้ำผลไม้ โดยใช้น้ำลูกพรุนสกัดเจือจางด้วยน้ำต้มสุกอย่างละเท่ากัน ค่อย ๆ ป้อนทีละน้อยเริ่มจาก 15-20 ซีซีต่อวันต่อครั้ง และเพิ่มปริมาณได้ตามต้องการหากขับถ่ายผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที