การปวดหัวดิฉันว่า ใคร ๆ ก็เคยเป็นนะค่ะ ถ้าหากว่าเป็นนักเรียนนักศึกษาทั่วไปก็มักจะปวดหัวจากเรื่องการเรียน การสอบเข้า หรือการสอบปลายภาคต่าง ๆ แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือชาวบ้านทั่วไปก็มักจะปวดหัวเรื่องของการทำงานจริงไหมค่ะ ซึ่งส่วนมากหากใครปวดหัวมักจะหาซื้อยาพาราเซตามอล มาทานก็หายแล้ว แต่คุณ ๆ รู้หรือไม่ค่ะว่าอาการปวดหัวเหล่านี้อาจจะนำไปสู่การเกิดโรคปวดหัวอีกชนิดหนึ่งได้ โรคปวดหัวอีกชนิดหนึ่งที่ว่า ก็คือ การปวดหัวไมเกรนค่ะ
ไมเกรน
ไมเกรน คือ เป็นโรคปวดหัวชนิดหนึ่งที่กินยาพาราเซตามอลไม่หายค่ะ เพราะว่าการปวดหัวไมเกรนเป็นการปวดหัวที่มีความรุนแรงมากกว่าการปวดหัวแบบธรรมดาทั่วไปค่ะ การปวดหัวไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่หลอดเลือดแดงบริเวณศีรษะ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง รักษายังไงก็ไม่หายขาด แต่อาการจะแสดงเป็นครั้งคราว ส่วนมากผู้ที่ป่วยมักจะปวดศีรษะข้างเดียวประมาณ 60% และผู้ป่วยที่ปวดศีรษะทั้ง 2 ข้างประมาณ 40% ค่ะ
ไมเกรน
สาเหตุ
- เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัว จากการนอนดึก ความเคร่งเครียด ซึ่งจะปวดตามท้ายทอย ปวดรอบเบ้าตา ร้าวไปกลางศีรษะ จากขมับ ไปข้างหลัง ซึ่งจะพบบ่อย มักจะเกิดจากการที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอ
- เป็นการปวดซึ่งเกิดจากการที่หลอดเลือดขยายตัว แต่จะไม่เกี่ยวกับเส้นเลือดตีบ พวกอัมพฤก อัมพาต ซึ่งอาการเส้นเลือดที่ศีรษะขยายตัวที่เรารู้จักกันดีก็คือ ไมเกรน ซึ่งอาการจะกล่าวถึงต่อไป
- เป็นอาการปวดเนื่องจากมีอะไรอยู่ในสมอง เช่นเนื้องอก พยาธิ หรืออะไรก็ตามที่มาทำให้ความดันในศีรษะเพิ่มขึ้น อาการปวดแบบนี้จะปวดตื้อ ๆ ลึก ๆ อยู่ข้างใน ที่สำคัญคือจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ คือเริ่มแรกอาจจะไม่ปวดเท่าไหร่ แต่ต่อมาอาจจะปวดถึงขั้นอาเจียน หรือเห็นภาพซ้อน ซึ่งโดยมากแล้วจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แขนขาอ่อนแรง ชัก
ไมเกรน
อาการ
โดยทั่วไปจะมีอาการปวดศีรษะนาน 4 - 72 ชั่วโมง เป็นลักษณะการปวดตุ๊บ ๆ บางทีก็มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย บางทีก็มีอาการหน้ามืด ตาลายด้วยค่ะ โดยอาการปวดศีรษะไมเกรนแบ่งตามอาการได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- Migraine without aura จะไม่มีอาการผิดปกติทางสายตานำมาก่อนการปวดศีรษะ มักจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
- Migraine with aura จะมีอาการผิดปกติผิดปกตินำมาก่อนการปวดศีรษะ เช่น เห็นแสงซิกแซก , แสงวาบ โดยมักจะมีอาการเหล่านี้ก่อนปวดศีรษะ ประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากนั้นจะมีอาการเหมือน migraine without aura
ไมเกรน
การรักษา
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกระตุ้นอาการเริ่มแรกของไมเกรน เช่น ไนไทรต์ ซึ่งพบในเบคอน ฮอตดอก และเนื้อหมัก ไทรามีน พบในไวน์แดง ตับไก่ อาหารที่ใช้ยีสต์ แทนนิน พบมากในถั่วเปลือกแข็ง น้ำแอปเปิล องุ่น เบอร์รี่ ชา กาแฟ และไวน์แดง ซัลไฟต์ ที่ใช้ในการหมักไวน์และผลไม้แห้ง โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือผงชูรส นอกจากนั้นแล้วยังมีช็อกโกแลต เนยแข็ง อาหารทอด และผลไม้จำพวกส้ม
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อร่างกายจะได้ไม่ขาดน้ำ
- พยายามทำตนเองให้สดใสร่าเริง พยายามอย่าเครียดหรือวิตกกังวลจนเกินไป
- ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
พักผ่อนนอนหลับ
- ลดการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เนื่องจากสารเหล่านี้หากดื่มในปริมาณมากจะไปมีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด หรือมีผลต่อสุขภาพการนอนหลับได้ ทำให้มีผลต่อการเกิด ไมเกรน ได้เช่นกัน
- ควรหาเวลาไปท่องเที่ยวหรือเล่นกีฬาบ้าง
- หากมีอาการให้ทานยาแก้ปวดแอสไพริน ขนาด ๒ เม็ด แต่ข้อระวังห้ามรับประทานแอสไพรินในขณะท้องว่างค่ะ
- หากว่าได้ปฏิบัติตามวิธีข้างต้นแล้วไม่ได้ผลให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาค่ะ
รับประทานยาแอสไพริน
ยังไงเพื่อน ๆ ก็พยามยามอย่าเครียดหรือคิดมาก กับเรื่องต่าง ๆ จะดีที่สุดนะค่ะ เพราะการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
ขอขอบคุณภาพประกอบบทความจากอินเตอร์เน็ท
