ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง โดย น.พ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

http://www.thaihealth.or.th/

 

ภัยเงียบที่เกิดจากโรคเบาหวานได้สร้างปัญหาให้กับผู้ป่วยจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัย ผศ.พญ.นันทกร ทองแตง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีคำแนะนำการดูแลสุขภาพมาฝาก

ภัยเงียบจากโรคเบาหวานเกิดจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกปี จากการสำรวจข้อมูลในประชากรไทยพบว่า ในประชากรอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ตรวจพบมีโรคเบาหวานถึง 9.5% และมีเพียง 2 ใน 3 ของผู้ป่วยเท่านั้นที่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน ที่เหลือ 1 ใน 3 ไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อาการที่สงสัยว่าจะเป็นเบาหวาน คือ หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากมีน้ำตาลรั่วออกมาในปัสสาวะ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย แผลหายยาก ชาตามมือและเท้า และความน่ากลัวของโรคเบาหวานคือบางคนไม่มีอาการเหล่านี้เลย 

เราสามารถวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานได้จากการตรวจเลือด ซึ่งโรคเบาหวานในผู้ใหญ่มักเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ที่มีความเสี่ยงควรรับการตรวจคัดกรองหาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คือผู้ที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีอาการเข้าข่ายโรคเบาหวานดังกล่าวข้างต้น มีประวัติครอบครัว ญาติสายตรง เช่น บิดา มารดาเป็นเบาหวาน หรือเคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง และผู้ป่วยโรคถุงน้ำที่รังไข่ 

ผลที่ตามมาจากโรคเบาหวาน ถ้าไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ จะกระทบต่อเส้นเลือดทั่วร่างกาย เส้นเลือดที่สมองเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต เส้นเลือดที่ตาทำให้ตาบอดได้ เส้นเลือดที่หัวใจ เส้นเลือดที่ไตทำให้ไตวาย เส้นเลือดที่ขาทำให้ขาชา มีปัญหาแผลเรื้อรัง อาจถึงต้องตัดนิ้วเท้าได้ 

อย่างไรก็ดี โรคเบาหวานสามารถป้องกัน

ได้โดยการดูแลสุขภาพ อย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไป เลือกรับประทานอาหารที่ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็มจนเกินไปในปริมาณที่เหมาะสม รับประทานผักและผลไม้พอประมาณ ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ลดความเครียด ทำใจให้สงบ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าทำได้ ก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีและห่างไกลจากโรคเบาหวาน 

สำหรับผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นเบาหวานแล้ว สามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานดังกล่าวข้างต้น โดยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และมาพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะปลอดภัยจากโรคแทรกซ้อน