ที่มา : www.matichon.co.th

http://www.thaihealth.or.th/

 

อากาศร้อนเกินกว่าจะใช้ชีวิตกลางแจ้งจริงๆ นะช่วงนี้ แถมพ่วงด้วยโรคต่างๆ ที่มาจากความร้อน ไม่ว่าจะเป็นโรคลมแดด โรคผิวหนัง งานนี้เลยต้องหนีร้อนไปพึ่งแอร์ให้สบายกายสบายใจ ทว่าสุดท้ายอาจหนีเสือปะจระเข้ก็เป็นได้ เพราะในห้องแอร์ก็เสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้

รศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เล่าว่า โดยทั่วไปโรคภูมิแพ้มีอาการได้หลายระบบของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ “โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ” ได้แก่ โรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือที่เรียกกันว่าโรคแพ้อากาศและโรคหืด ซึ่งคนที่เป็นโรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้นี้จะมีอาการคือ น้ำมูกใส คัดจมูก จาม คันจมูก เป็นหวัดบ่อย คันตา นอนกรน ส่วนในคนที่มีโรคหืดร่วมด้วยก็จะมีอาการไอบ่อย เหนื่อยง่าย หายใจเสียงดังวี้ด แน่นหน้าอก ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น ละอองเกสรหญ้า ขนสัตว์ เชื้อรา

รศ.พญ.อรพรรณ กล่าวถึงข้อแนะนำสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้เมื่อต้องอยู่ในห้องปรับอากาศว่า สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ สิ่งสำคัญที่สุดเมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศคือ ควรล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 6 เดือน ควรปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสมและไม่เย็นจนเกินไป ซึ่งช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคัดจมูก บางครั้งจมูกแห้ง มีเลือดกำเดาออกหรือไอได้ ในกรณีที่มีอาการทางจมูกแนะนำให้ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือและใช้ยารักษาสม่ำเสมอก็สามารถลดอาการได้

นอกจากนี้ ควรปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม โดยไม่มีพรม ตุ๊กตา หรือของใช้เยอะเกินไป ของที่กล่าวมาเหล่านี้จะเป็นแหล่งสะสมของตัวไรฝุ่น ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยให้หาผ้าคลุมที่นอนกันไรฝุ่นมาใช้ และซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และสุดท้ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบจนสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้