หากสาวๆ หลายคนรู้ถึงสรรพคุณของพิษผึ้ง คงอยากให้ผึ้งต่อยสักร้อยตัว เพื่อที่หน้าตาจะได้กลับมาเต่งตึงหลังจากมีริ้วรอยตามกาลเวลา แทนการไปฉีดโบท็อกซ์ให้เจ็บตัว เรื่องมันไม่ได้ยากเย็นอย่างนั้นหรอกนะคะ ลองศึกษาข้อมู,กันก่อนเพื่อประกอบการพิจารณา

 

 

มารู้จักพิษผึ้งกันก่อนนะคะ พิษผึ้ง (Bee venom) คือ สารประกอบโปรตีนที่ผึ้งงานปล่อยออกมาจากต่อมสร้างพิษผ่านออกมาทางท่อเหล็กใน ผึ้งงานต้องกินเกสรและน้ำผึ้ง เพื่อนำไปผลิตน้ำพิษ ทำหน้าที่ในการป้องกันรังจากศัตรู พิษผึ้งมีคุณค่าทางการแพทย์ เช่น ฮีสตามีน (Histamine) เซอโรโตนิน (Serotonin) โดพามิน (Dopamine) ฯลฯ และนอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโน และเอนไซม์เป็นองค์ประกอบเล็กน้อย

 

 

ในอดีตประเทศจีนมีการกล่าวถึงการใช้ผึ้งต่อยเพื่อรักษาโรค มานานกว่า 3,000 ปี ปัจจุบันมีหลายประเทศได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องให้ใช้รักษาคนไข้ได้ด้วยวิธีการนรี้ โดยใช้หลักการเวกับการฝังเข็ม แต่ต่างตรงที่พิษผึ้งที่ถือกันว่าเป็นยาธรรมชาติขนานเอก สำหรับคนไข้ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล การรักษาด้วยวิธีนี้นับได้ว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนไข้อีกทาง

 

 

การรักษาด้วยผึ้งนี้เรียกว่า ผึ้งบำบัด ซึ่งก็หมายถึง การบำบัด บรรเทาหรือการรักษาอาการโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ผึ้ง อันได้แก่ น้ำผึ้ง นมผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง พรอพอริส และพิษผึ้ง มีประวัติมายาวนาน และเป็นที่แพร่หลายในต่างระเทศ ซึ่งผึ้งบำบัด มี 2 วิธีคือ วิธีที่หนึ่ง คือ การใช้พิษผึ้ง โดยการฝังตามจุดประสาทลมปราณด้วยเหล็กในผึ้ง ซึ่งจะต้องควบคู่ไปกับวิธีที่สอง คือ การบริโภคผลิตภัณฑ์ผึ้งอื่นๆ เพื่อส่งผลต่อการบำบัดอาการหรือโรคได้เต็มประสิทธิภาพ

 

 

ปัจจุบันนี้มีการนำสารสกัดจากพิษผึ้ง (Bee Venom) เข้ามาใช้ในวงการเครื่องสำอาง ช่วยในเรื่องยับยั้งสัญญาณแห่งอายุผิวหลายประการ โดยใช้คุณสมบัติด้านการป้องกันการอักเสบมาใช้ประโยชน์ เรียกได้ว่าเป็นโบท็อกซ์จากธรรมชาติ มันสามารถทำงานในส่วนของการกระตุ้นการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจนของผิว เพื่อให้ผิวยังคงความสดใสอยู่เสมอ พิษนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ที่เรียกว่า เคอราติโนไซต์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นปราการป้องกันแบคทีเรีย ซึ่งก่อให้เกิดสิวป้องกันการสูญเสียน้ำ และผิวเสียเพราะแสงแดดอีกย เคอราติโนไซด์เป็นเซลล์ที่อยู่บนสุดของผิวหนัง ซึ่งช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ พิษผึ้งบริสุทธิ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเพิ่มจำนวนของเคอราติโนไซต์ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น

 

 

พิษจากเหล็กในผึ้ง มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและไม่คล้ำเสีย เพราะแดดเผา ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพิษผึ้งนี้ จะออกฤทธิ์อย่างแผ่วเบาต่อผิวหนัง ซึ่งจะลวงหลอกให้ร่างกายเข้าใจว่าถูกผึ้งต่อย จากนั้นเลือดในร่างกายก็จะถูกกระตุ้น ให้ถูกส่งมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่สัมผัสพิษ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้มีการผลิตคอลลาเจนกับอิลาสตินออกมา ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังเต่งตึง

 

 

มีคำแนะนำว่าห้ามใช้ครีมพิษผึ้งในผู้ที่มีอาการแพ้เหล็กในผึ้ง ห้ามทาในบริเวณที่เป็นแผล หรือผิวหนังที่บวมพอง ทางที่ดีทดลองทาครีมสัก 20 นาท ถ้าเกิดระคายเคืองคือแพ้ แสดงว่าครีมพิษผึ้งไม่เหมาะกับคุณค่ะ