แอลกอฮอล์ ในสกินแคร์ เพื่อนแท้หรือศัตรูผิว?

แอลกอฮอล์ ที่นำมาใช้ในเครื่องสำอาง ไม่ได้อยู่ในรูปของเหลวที่ใช้ฆ่าเชื้อตามตู้ยาอย่างที่เราคุ้นเคย แต่แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มตัวทำละลาย เรียกว่า Fatty Alcohol ได้แก่ Cetyl Alcohol, Stearyl Alcohol, Lanolin Alcohol

แอลกอฮอล์ชนิดนี้ มีลักษณะเหมือนกับเม็ดโฟม เนื้อคล้ายแว็กซ์ ใช้เพื่อทำละลายสารที่ไม่ละลายน้ำ แอลกอฮอล์ชนิดนี้ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง มีคุณสมบัติช่วยให้เครื่องสำอางติดผิวดี ทำความสะอาดผิว ชะล้างสิ่งสกปรก และไขมัน มักพบในเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น ครีมหรือโลชั่น ประเภท Water in oil หรือ Oil in water

     ส่วนแอลกอฮอล์อีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า กลุ่มฆ่าเชื้อ ได้แก่ Ethyl Alcohol, Isopropyl Alcohol, SD Alcohol, Alcohol Denat, Benzyl Alcohol ใช้เป็นส่วนผสมของยาทาผิว มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เป็นสารกันบูด นิยมผสมในเครื่องสำอางประเภทน้ำ หรือของเหลว เช่น โทนเนอร์ อีมัลชั่นบำรุงผม น้ำหอม สเปรย์ แอลกอฮอล์กลุ่มนี้ทำหน้าที่ส่งสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ส่วนบน แต่มักทำให้ผิวระคายเคืองและแห้ง เพราะขณะที่แอลกอฮล์ระเหย จะนำน้ำออกจากผิวด้วย

 

 

เลือกแอลกอฮอล์ให้เหมาะกับผิว

– ผิวแพ้ง่าย คนที่มีผิวระคายเคืองง่าย หรือกลุ่มผิวแพ้ง่าย ต้องหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ผสมแอลกอฮอล์กลุ่มฆ่าเชื้อ อาการเบื้องต้นของการแพ้คือ จะรู้สึกคัน มีผดผื่นแดง หรือตุ่มน้ำ ตามความรุนแรง แนะนำให้หยุดใช้เครื่องสำอางนั้นทันที

– สำหรับผิวแห้ง แนะนำให้ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์กลุ่มตัวทำละลาย เพราะเป็นเครื่องสำอางที่ช่วยลดการสูญเสียน้ำของผิวได้

– กลุ่มผิวมัน กลุ่มนี้โชคดีกว่ากลุ่มอื่น เพราะโอกาสที่จะแพ้แอลกอฮอล์มีน้อย และแอลกอฮอล์ในเครื่องสำอางจะช่วยให้ความมันบนใบหน้าลดลง ขณะที่ใช้เครื่องสำอางนั้น

– กลุ่มที่เป็นสิว ต้องระวังเครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์กลุ่มฆ่าเชื้อ เพราะจะกระตุ้นให้สิวอักเสบได้มากขึ้น รวมทั้ง Lanolin Alcohol ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มตัวทำละลาย เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว

 

ขอบคุณที่มาจาก : GOODLIFE