ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติเตือนแฟชั่นการโกรกหรือย้อมสีผมอาจทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ พร้อมแนะนำไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี เนื่องจากอาจทำให้สารเคมีเข้าไปสะสมในร่างกาย

วันนี้ (8 ม.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์มีการส่งข้อความเตือนภัยว่าการทำสีผมบ่อยครั้ง ทำให้สารเคมีซึมเข้าต่อมน้ำเหลืองบนหนังศีรษะ หรือแฟชั่นเปลี่ยนสีผม ทำให้เป็นมะเร็งได้จริงหรือไม่ คือข้อกังขาที่เกิดขึ้นและถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆ

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า น้ำยาย้อมผมแบบถาวร ซึ่งใช้สารเคมีล้วนๆ มาฟอกเม็ดสีผมเดิมออกแล้วใส่สารเคมีที่ทำให้เกิดสีใหม่ลงไป เป็นประเภทได้รับความนิยมใช้มากที่สุด แต่น้ำยาย้อมสีผมประเภทนี้ ทำให้หนังศีรษะดูดซึมเอาสารเคมีไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนมีอาการระคายเคืองน้อยถึงมาก ซึ่งหลายคนมักคิดว่าการย้อมผมเสี่ยงเฉพาะผิวหนังศีรษะอักเสบและมะเร็งหนังศีรษะ

ทั้งนี้ ผลการศึกษาของสหรัฐอเมริกา โดยศึกษาทบทวนรายงานทางการแพทย์จำนวน 79 รายงานทั่วโลกในปี 2548 พบว่าการใช้ยาย้อมผม เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งระบบเลือด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิดนอนฮอดจ์กิน 1.15 เท่า มะเร็งเต้านม 1.06 เท่า และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 1.01 เท่า โดยเฉพาะการใช้สารเคมีย้อมผมก่อนปี 2523 เพราะน้ำยาย้อมผมยุคนั้น มีส่วนผสมของสารพิษต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่สารดังกล่าวไม่ได้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ย้อมผมปัจจุบัน

ขณะที่องค์กรที่ดูแลด้านมะเร็งระหว่างประเทศ เช่น องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจน และเพียงพอว่ายาย้อมผมทำให้เกิดมะเร็งได้จริง แต่หน่วยงานด้านสุขภาพยังติดตามเฝ้าระวังจากผลการวิจัยใหม่ๆ ต่อไปอย่างใกล้ชิด

ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ที่ยังไม่เคยย้อมผมไม่ควรย้อมสีผม โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผม ทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดล่วงได้ง่าย ส่วนคนที่เคยย้อมอยู่แล้ว ก็ไม่ควรย้อมเกิน 9 ครั้งต่อปี เพราะอาจทำให้สารเคมีเข้าไปสะสมในร่างกาย

ที่มา:http://news.thaipbs.or.th/