กินของหวานแล้วปวดฟัน บางครั้งอาการยังลามไปปวดหัวตุบ ๆ เมื่อกินของหวานอีกต่างหาก สาเหตุของอาการปวดฟันเหล่านี้คืออะไร รู้ให้ทันอาการปวดฟันไว้ จะได้ไม่เจ็บตัวอีก
    
          เคยมีอาการปวดฟันเวลากินของหวานกันบ้างไหมคะ แล้วทำไมเราถึงรู้สึกจี๊ด ๆ ที่ฟันจนกินของหวานไม่อร่อยถึงใจ ทั้งที่ของหวานเหล่านั้นไม่ใช่อาหารที่มีความเย็นซะด้วยซ้ำ โอ๊ย ! ปวดฟันเวลากินของหวาน ปัญหาสุขภาพอย่างนี้อย่าปล่อยให้อยู่กับเรานานเลยนะ

 กินของหวานแล้วปวดฟัน เป็นเพราะอะไรกันล่ะ ?

          ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจในเบื้องต้นว่า อาการปวดฟันส่วนใหญ่เกิดจากฟันที่ผุ ซึ่งฟันผุก็เกิดจากการที่มีเศษอาหารตกค้าง หรือมีคราบพลัคติดค้างอยู่ในซอกฟัน แล้วไม่ได้รับการทำความสะอาด เศษอาหารและคราบพลัคเหล่านี้จะถูกย่อยสลายให้กลายเป็นกรดกัดกร่อนเคลือบฟัน ยิ่งหากเกิดการสะสมของเศษอาหารเป็นประจำ ยกตัวอย่างเช่น คนที่แปรงฟันไม่สะอาด เคลือบฟันก็จะถูกกัดกร่อนไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ทะลุผ่านเนื้อฟัน กัดกร่อนต่อไปยังชั้นโพรงประสาทฟัน ก่อให้เกิดอาการปวดฟันจี๊ด ๆ ขึ้นได้
    
          ทว่าอาการปวดฟันเวลากินของหวาน สาเหตุก็เกิดจากเมื่อเรากินอาหารประเภทน้ำตาลเข้าไป น้ำลายจะย่อยสลายน้ำตาลให้กลายเป็นกรด และเจ้ากรดจากการย่อยน้ำตาลที่ว่านี่แหละค่ะ ตัวการแทรกซึมไปยังเนื้อฟัน และประสาทฟัน ทำให้เรารู้สึกปวดฟันจี๊ดขึ้นมา และหากฟันใครผุเกินเยียวยา เคสนี้อาจรู้สึกปวดฟันตุบ ๆ ไล่ไปตามแนวสันกราม แล้วลามไปปวดศีรษะเพิ่มมาอีกอาการด้วยนะ
    
          อ้อ ! นอกจากนี้เมื่อกินอาหารเย็นจัดหรือร้อนจัด ก็อาจทำให้รู้สึกปวดฟันแปลบ ๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งหากเพิกเฉยกับอาการปวดฟันเมื่อรับประทานอาหารเหล่านี้ ต่อไปรากฟันอาจเกิดอาการอักเสบ บวม และเป็นหนอง สร้างความทรมานอย่างที่สุดเลยก็ได้นะคะ
 

กินของหวานแล้วปวดฟัน


 วิธีแก้ปวดฟันเมื่อกินของหวาน

          วิธีแก้ปวดฟันเมื่อกินของหวาน เบื้องต้นสามารถทำได้โดยหยุดรับประทานอาหารประเภทของหวานและอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง รวมไปถึงอาหารชนิดอื่น ๆ ที่กระตุ้นอาการปวดฟัน เช่น อาหารที่เย็นจัด อาหารร้อนจัด และหากรู้ตำแหน่งของฟันซี่ที่ปวด ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้วยฟันซี่นั้น ๆ ด้วยนะคะ
    
          แต่สำหรับคนที่รู้สึกปวดฟันจนทนไม่ไหว งดอาหารรสหวาน อาหารเย็น หรือปัจจัยกระตุ้นอาการปวดฟันใด ๆ ก็แล้วแต่ ทว่ายังคงทรมานกับอาการปวดฟันหนักมากอยู่ กรณีนี้แนะนำให้ไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการปวดฟันโดยด่วนเลยค่ะ 
 

กินของหวานแล้วปวดฟัน


 ปวดฟัน กินยาพาราได้ไหม ?

          ทราบว่าหลายคนคาใจค่ะว่า เราจะแก้อาการปวดฟันด้วยยาพาราเซตามอลได้หรือเปล่า คำตอบคือ หากมีอาการปวดฟันเพียงเล็กน้อย และเพิ่งเริ่มรู้สึกปวดฟัน อาจลองบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม/เม็ด ตามขนาดการใช้ยาที่ระบุในฉลาก เป็นต้นว่า ในผู้ใหญ่ให้กินยาพาราเซตามอลครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง และหากอาการปวดฟันบรรเทาลงไป ก็ให้หยุดใช้ยาได้
    
          ทว่าหากอาการปวดฟันมีความรุนแรงมาก รู้สึกปวดฟันตุบ ๆ ลามไปปวดศีรษะ เคสนี้ยาพาราเซตามอลอาจเอาไม่อยู่ แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ยาแก้ปวดชนิดแอสไพริน กรดมีเฟนนามิก หรือไอบูโพรเฟน เป็นต้น แต่ยาแก้ปวดเหล่านี้ควรใช้อย่างระมัดระวังที่สุด หรือทางที่ดีควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนใช้ยาจะปลอดภัยกว่า หรือหากอยากลองแก้ปวดฟันด้วยตัวเองในเบื้องต้น วิธีแก้ปวดฟันเหล่านี้ก็น่าจะช่วยได้นะคะ
 

กินของหวานแล้วปวดฟัน


 วิธีป้องกันอาการปวดฟันเมื่อกินของหวาน
    
          แปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง หรืออย่างน้อย ๆ ควรต้องบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำยาบ้วนปากหลังกินของหวานโดยทันที
          
          พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวาน น้ำตาลสูง หรืออาหารเย็นจัดร้อนจัด
          
          หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้วยฟันซี่ที่รู้สึกปวด
          
          แปรงฟันให้สะอาดหมดจด และควรแปรงอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
          
          ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันเป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของคราบพลัค และเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในซอกฟันซี่ต่าง ๆ โดยเฉพาะฟันซี่ในที่เข้าถึงยาก

          ใครที่เคยปวดฟันคงจะซึ้งกันดีกว่าอาการปวดฟันสร้างความทรมานมากแค่ไหน ฉะนั้นหากไม่อยากเจอกับอาการปวดเช่นนั้นอีก ก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำ หรือไปตรวจเช็กสุขภาพช่องปากและฟันกับทันตแพทย์เป็นประจำด้วยนะคะ
    


ขอขอบคุณข้อมูลจาก