เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ  ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่  เกิดได้จากหลายสาเหตุ  ซึ่งบางสาเหตุก็มีอันตรายถึงแก้ชีวิต  แต่บางสาเหตุก็เพียงทำให้เกิดความรำคาญ  และบางครั้งก็หาสาเหตุไม่พบ

สาเหตุที่ทำให้ให้ปวดหัวปวดตามีอยู่มาก  แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ  ดังนี้

–           ความเครียดของกล้ามเนื้อ

–           ไม่เกรน

–           โรคของสมอง  ตา  หู  โพรงจมูก  และฟัน

–           ความเครียดของกล้ามเนื้อ

                ปวดหัวปวดตาสาเหตุนี้  มักพบบ่อยๆ  คนไข้จะปวดหัวปวดตาจากความตึงเครียดของกล้ามเนื้อแถวต้นคอ  และท้ายทอย  อาการปวดมักจะไม่มีตำแหน่งที่แน่นอน  มักจะปวดร้าวไปที่บริเวณขมับและหน้าฝาก  หรือกระบอกตา  อาการปวดแบบนี้อาจเกิดจากความเครียดในการทำงาน  นอนผิดท่า  นอนตกหมอนเป็นต้น

                การปวดหัวจากความเครียดของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับตา  คือการปวดกระบอกตา  หลังจากการทำงานที่ละเอียด  หรือต้องใช้สายตา  เช่น  งานฝีมือ  หรืออ่านหนังสือตัวเล็กๆ  นานๆ  พวกนี้จะมีอาการปวดกระบอกตาและอาจร้าวไปถึงท้ายทอยได้

    สาเหตุ

เกิดจากล้ามเนื้อตาล้า  หรือกล้ามเนื้อตาที่ทำงานเกี่ยวกับการเพ่งไม่แข็งแรงคือเพ่งไม่เก่งนั้นเอง

ไมเกรน  มักมีอาการปวดหัวข้างเดียว  ตามด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน  อารมณ์หวุดหวิด  อาจจะเห็นภาพมัวไปชั่วขณะ หรือเห็นแสงไฟแลบฟ้าแลบกับอาการปวดหัวได้  พวกนี้อาจจะมีประวัติทางครอบคัวร่วมด้วย

จากโรคต่างๆ  เช่น เนื้องอกในสมอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ  หรือมีเลือดออกในเยื้อบุสมองใรรายที่เคยได้รับอุบัติเหตุ  จากไซนัส  จากหูน้ำหนวก  จากฟันผุ  ในที่นี้จะพูดเฉพาะอาการปวดหัวที่เกี่ยวข้องกับตาเท่านั้น

กล้ามเนื้อตาล้า  กล้ามเนื้อตาล้า  คือ  อาการปวดหัว  ปวดตา  ที่เกิดขึ้นเวลาทำงานที่ต้องใช้สายตาใกล้ๆ  ในงานที่ละเอียดคนเหล่านี้จะทำงานใช้สายตาใกล้ๆนานๆ  ไม่ได้  เพราะกล้ามเนื้อตาที่ใช้มองใกล้  หรือรวมตัวเพ่งในที่ใกล้นั้นไม่แข็งแรงพอ  พูดง่ายๆ  คือเพ่งไม่เก่งนั่นเอง  คนไข้จะมีอาการปวดตา  ปวดหัว  อาจจะปวดที่กระบอกตาและร้าวไปถึงท้ายทอยได้  บางครั้งก็ตาลายเวลาอ่านหนังสือ  หรือทำงานที่ต้องใช้สายตาในระยะใกล้ๆ  อาการนี้มักพบในวัยเด็กหรือวัยรุ่นที่ต้องอดทนอ่านหนังสือเป็นเวลานาน  หรือเล่นเกมส์นานๆ  อีกกลุ่มที่อายุเข้า 40 ปี  ซึ่งจำเป็นต้องใช้แว่นดูใกล้ๆ  คือแว่นสายตายาว

    การรักษา

ในกรณีที่ปวดตาจากกล้ามเนื้อตาล้า  ควรจะพบจักษุแพทย์ก่อนเพื่อดูว่ามีปัญหาเกี่ยวกับสายตาหรือไม่  ถ้ามีก็ควรแก้ไข  โดนใส่แว่นในขนาดที่ถูกต้อง  คนที่มีอายุ 40  ก็อาจจะต้องตัดแว่นดูใกล้  หรือแว่นสายตายาวเข้าช่วย

ในกรณีที่สายตาปกติดี  หรือแก้ไขปัญหาสายตาแล้วยังปวดหัว  หรือปวดตาอีก  ก็ควรฝึกการเพ่งกล้ามเนื้อ  ซึ่งสามารถทำเองได้ง่ายๆ  โดยถือปากกาหรือดินสอให้ห่างสุดแขนแล้วเพ่งดูปลายปากกาหรือดินสอนั้นค่อยๆ  เอาปากกาหรือดินสอเข้าหาตัวช้าๆ  ขณะเดียวกันก็เพ่งดูปลายปากกาหรือดินสอตลอดเวลา  โดยต้องเห็นภาพปลายปากกาหรือดินสอนั้นชัดเจน  และเป็นภาพเดียวกันตลอดเวลา  ถ้าเป็น 2 ภาพ  หรือเริ่มเห็นไม่ชัดเจนแสดงว่าตาเริ่มไม่รวมตัว  หรือเพ่งไม่ได้แล้วต้องยืดแขนถอยออกไปจนกระทั่งเห็นภาพชัดใหม่  แล้วเริ่มไม่ได้แล้วต้องยืดแขนออกไปจนกระทั่งเห็นภาพชัดใหม่  แล้วเริ่มเพ่งใหม่โดยค่อยๆ  เอาปากกาหรือดินสอเข้าหาตัวช้าๆ  ทำเช่นนี้ครั้งละ 10 – 15 หน  วันล่ะ 3 – 5 ครั้ง

ในกรณีที่ฝึกเองลำบาก  อาจจะมาฝึกกับเครื่องฝึกกล้ามเนื้อตาได้โดยเครื่องนี้จะช่วยในการฝึกระยะ เริ่มแรกให้ง่ายขึ้น  หรือในรายที่ล้ามากๆ  จะให้ผลเร็วกว่าทำเองที่บ้าน  ควรอ่านหนังสือ  หรือทำงานที่ละเอียดหรือต้องใช้สายตาที่มีแสงสว่างที่เพียงพอ  และควรมีการพักระหว่างทำงานบ้างเป็นช่วงๆ  เด็กๆ  ควรนอนแต่หัวค่ำ  และพักผ่อนให้เพียงพอ  เพราะมีเด็กหลายๆ  คนที่อดนอนและปวดหัวในตอนบ่ายๆ  จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ

สายตาผิดปกติ   สายตาผิดปกติ  พวกนี้มักจะมีอาการปวดหัวไม่มาก  แต่ในกรณีที่สายตา 2 ข้างไม่เท่ากัน  หรือรายที่มีสายตาเอียงมากๆ  พวกนี้จะ ให้ปวดหัว  ปวดตาได้  การรักษาพวกนี้จำเป็นต้องตรวจเรื่องสายตาและแก้ไขด้วยการใช้แว่น

ต้อหินเฉียบพลัน  คนไข้มักจะมีอาการปวดหัว  ปวดตา  ตามัว  อาการปวดหัวมักรุนแรงและทายาแก้ปวดก็ไม่หาย  ตาอาจจะแดง  เคืองตา  น้ำตาไหล  ตรวจพบว่าความดันในลูกตาสูงมาก  โรคนี้ควรมาพบแพทย์อย่างรีบด่วน  และต้องได้รับการารักษาให้ทันท่วงที  มิฉะนั้นความดันในลูกตาจะกดประสาทตาและถ้าทิ้งไว้นานเข้าก็จะกดตาบอดได้

                อาการปวดหัว  เป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อย  และเป็นได้ในทุกคนทุกวัย  สาเหตุมีต่างๆ กันส่วนใหญ่มักจะไม่มีอันตราย  หายได้ง่ายๆ  โดยการรับประทานยาแก้ปวด  แต่อาการปวดหัวบางชนิดอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือว่าสายตาได้  เมื่อมีอาการปวดหัวร่วมกันอาการเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอบ่าง  เช่น  มีไข้  คอแข็ง  สายตามัวลง  มีอารมณ์และความประพฤติเปลี่ยนแปลงไป  มีอาการปวดหัวรุนแรงจนตื่นมีอาการคลื่นไส้อาเจียนพุ่ง  เป็นต้น  อาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษา  และต้องแก้ไขให้ทันท่วงที  ถ้าเกี่ยวกับตาหรือว่าสายตา  จักษุแพทย์ก็สามารถช่วยตรวจหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับตาได้  หรือส่งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาตามความเหมาะสมต่อไป

ที่มา : 108  อาการปวดที่รู้จักแล้วหาย