อย่าเพิ่งหงุดหงิดกับอากาศร้อน ๆ ของซัมเมอร์นี้เลย เพราะถ้าได้รู้จาก Health Me Up ว่าหน้าร้อนช่วยเรื่องสุขภาพได้ถึง 14 อย่าง เชื่อเถอะว่าคุณจะตกหลุมรักหน้าร้อนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
1. แสงแดดช่วยให้ร่าเริง
เราเลี่ยงแสงแดดกันจะเป็นจะตายโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า แสงแดดช่วยกระตุ้นอารมณ์ของเราให้สดใสร่าเริงขึ้นได้ ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูสิว่าเวลาที่ฟ้าครึ้มฝนพรำ อารมณ์เศร้าของเราก็เริ่มคืบคลานเข้ามา กลายเป็นความเหงาและอาจพัฒนาความหดหู่ในที่สุด
2. ซัมเมอร์นี้มีเวลาเที่ยว
ฤดูร้อนเหมือนเป็นระฆังสัญญาณที่บอกให้เราออกไปเที่ยวกันเถอะ อีกทั้งพอถึงฤดูร้อนทีไรมักจะมีวันหยุดยาว ๆ ให้ได้พักผ่อนเสมอ และงานวิจัยชิ้นหนึ่งก็เผยว่า คนที่หนีเรื่องวุ่น ๆ ไปพักผ่อนแค่ซัมเมอร์ละครั้งมีแนวโน้มป่วยตายด้วยโรคหัวใจน้อยลงถึง 30% อีกทั้งการได้หลบหนีชีวิตประจำวันซ้ำ ๆ เดิม ๆ เพื่อไปเจอประสบการณ์แปลกใหม่ยังช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจในตัวเราได้อีกด้วย
3. รับวิตามิน D ฟรี !
แสงแดดพร้อมกับอุณหภูมิอบอุ่นเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะมากในการรับวิตามิน D เข้าสู่ร่างกาย ยิ่งหากคุณออกมารับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทุกวันรับรองเลยว่าคุณจะไม่มีปัญหาสุขภาพประเภทเป็นหวัด ปวดข้อกระดูก หรืออารมณ์ฉุนเฉียวง่ายแน่นอน เนื่องจากวิตามิน D ที่รับจากแสงแดดซัมเมอร์ไปจะช่วยบำรุงดูแลระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคมะเร็ง เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และช่วยฟื้นฟูฮอร์โมนที่ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกได้ด้วย
4. ฤดูผลไม้อร่อย ๆ
ผลไม้ตามฤดูกาลชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าหากินไม่ได้ตลอดปี หรือหากจะมีให้กินก็คงเสี่ยงกับสารเร่งการเจริญเติบโตกระทบกับสุขภาพไปกันใหญ่ แต่กับฤดูร้อนนี้ต้องบอกว่าเป็นฤดูผลไม้ที่ทั้งอร่อยและสรรพคุณอื้อ ไม่ว่าจะเป็นแตงโม มะม่วง มะละกอ แตงกวา และมังคุด ก็วางขายเกลื่อนในราคาสมเหตุสมผล อีกทั้งผลไม้เหล่านี้ก็ล้วนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายอย่างนับไม่ถ้วนเชียวล่ะ
5. เชื่อมสายใยรักครอบครัว
ซัมเมอร์ถือเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว เด็ก ๆ ก็อยู่ในระหว่างปิดภาคเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็มีวันหยุดยาวที่ไม่ต้องไปทำงาน ทำให้มีเวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน เชื่อมความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว เติมความสุขได้ทั้งกายและใจ
6. ความเสี่ยงโรคหัวใจลดน้อยลง
ผลการศึกษาโรคหัวใจเมื่อปี 2012 ที่เปรียบเทียบอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจในฤดูร้อนกับฤดูหนาวพบว่า อัตราความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดมีแนวโน้มลดลงประมาณ 26-36% ในฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นอัตราที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคเหล่านี้ในฤดูหนาว
7. ดื่มน้ำเยอะขึ้น
เมื่ออากาศร้อนร่างกายจะต้องการน้ำมากขึ้นโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงถือได้ว่าฤดูร้อนช่วยให้เราฝึกนิสัยดื่มน้ำเยอะไปโดยปริยาย และหากจะให้ดีพยายามทำให้ตัวเองติดการดื่มน้ำไปตลอดด้วยนะคะ เพราะยิ่งเราดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้เท่าไร ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายก็จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
8. ว่ายน้ำกันเถอะ
การว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ดีต่อคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายหนัก ๆ ไม่ค่อยสะดวก การว่ายน้ำก็เป็นกีฬาทางเลือกที่น่าสนใจพร้อมทั้งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ๆ ยิ่งในฤดูร้อนอย่างนี้ได้โดดตูมลงไปแหวกว่ายในสระว่ายน้ำนี่ฟินสุด ๆ
9. ลดน้ำหนักได้มากขึ้น
สังเกตไหมล่ะว่าหน้าร้อนเราจะหิวแต่น้ำเย็น ๆ และอาหารที่กินแล้วรู้สึกชื่นใจ ข้าวปลาอาหารอย่างอื่นนี่ขอผ่านไปก่อน ฉะนั้นใครที่อยากลดน้ำหนักอยู่พอดีก็ฉวยโอกาสซัมเมอร์นี้กินแต่น้ำสะอาดและผลไม้แช่เย็นไปเลย รับรองหุ่นเช้งแน่
10. ไร้ปัญหานอนหลับยาก
ฤดูร้อนจะมืดช้าแต่เช้าเร็ว ประมาณ 05.30 น. ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วนะคะ ฉะนั้นในฤดูร้อนนี้ร่างกายจะบังคับให้เราตื่นเช้ามากขึ้นโดยอัตโนมัติ บวกกับความเหน็ดเหนื่อยจากสภาพอากาศระหว่างวันจะช่วยให้เรารู้สึกอ่อนเพลียตั้งแต่หัวค่ำ คราวนี้ก็นอนหลับปุ๋ยได้ง่าย ๆ กลายเป็นคนอนามัยที่เข้านอนเร็วตื่นเช้า ฟื้นฟูปัญหาสุขภาพได้หลายอย่างเลยทีเดียว
11. มีโอกาสสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น
เพราะอยู่ภายใต้อาคารแล้วรู้สึกอุดอู้ ร่างกายเลยผลักดันให้คุณอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกหรืออย่างน้อย ๆ หน้าร้อนแบบนี้ใจก็นึกอยากหาแหล่งธรรมชาติไปหลบร้อนสักพัก ซึ่งก็เหมือนเปิดโอกาสให้ร่างกายสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น รับโอโซนธรรมชาติเข้าสู่ปอดและระบบเลือด ช่วยล้างสารเคมีและสิ่งตกค้างภายในร่างกายได้อีกทาง
12. มีกิจกรรมให้ร่างกายได้ทำ
ถ้าอากาศหนาวเราคงอยากซุกตัวอยู่แต่ในผ้าห่ม ต่างจากฤดูร้อนที่ร่างกายนึกอยากจะขยับแข้งขยับขามากกว่า โดยเฉพาะคนที่ชอบการออกกำลังกายอยู่แล้ว พอแดดร่มลมตกหน่อยคงอยากออกไปปั่นจักรยานหรือวิ่งรอบหมู่บ้านใช่ไหมล่ะ
13. บรรเทาอาการไมเกรน
งานวิจัยจากประเทศแคนาดาพบความเกี่ยวข้องของอากาศกับความรุนแรงของโรคไมเกรน โดยพบว่า สภาพท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดด และอากาศแห้งมีแนวโน้มช่วยลดอาการไมเกรนกำเริบได้
14. ลดอาการติดเชื้อ
เราจะลดอาการติดเชื้อในร่างกายได้ต้องอาศัยเหงื่อค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอเหงื่อออกแล้วเราจะได้ดีท็อกซ์อะไรเทือกนั้น เพียงแต่ภายในเหงื่อจะมีเปปไทด์ต้านจุลชีพ (antimicrobial peptides) ปะปนอยู่ ซึ่งนี่ล่ะค่ะตัวการกำจัดเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราให้หมดไปจากผิวหนังของเรา ถ้าเรียกเหงื่อให้ร่างกายได้ก็หายห่วงอาการติดเชื้อเหล่านี้ได้เลย
