เม็ดแมงลัก เมล็ดเจีย ต่างกันยังไง จะกินให้ได้ประโยชน์สูงสุด รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้รู้ไว้หน่อยก็ดีนะ
เมล็ดเจียและเม็ดแมงลักต่างเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีสรรพคุณล้น เด่นมาก ๆ ก็ในเรื่องช่วยลดน้ำหนัก จนถึงกับมีคำถามมาว่าเม็ดแมงลักกับเมล็ดเจียต่างกันยังไง ซึ่งวันนี้เราจะมาแยกความแตกต่างและความเหมือนระหว่างเม็ดแมงลัก VS เมล็ดเจียกัน
ลักษณะของเมล็ดเจียกับเม็ดแมงลัก
หลายคนสับสนว่าเม็ดแมงลักเหมือนกับเมล็ดเจีย แต่จริง ๆ แล้วเป็นธัญพืชคนละชนิดกันเลยค่ะ โดยสามารถสังเกตลักษณะของเมล็ดง่าย ๆ ตรงที่เมล็ดเจียจะมีลักษณะรี มีสีน้ำตาลเทา มีลวดลายเล็กน้อย ส่วนแมงลักจะมีลักษณะรี แต่สีดำเข้ม และถ้านำไปแช่น้ำแล้วจะพบว่าเมล็ดเจียจะพองตัวเป็นลักษณะเม็ดใส แต่เม็ดแมงลักจะพองตัวในลักษณะเม็ดมีเมือกสีขาวขุ่น
วิธีกินเมล็ดเจีย VS วิธีกินเม็ดแมงลัก
ไม่ว่าจะเป็นเม็ดแมงลักหรือเมล็ดเจีย ก่อนรับประทานควรต้องแช่น้ำจนธัญพืชนั้น ๆ พองตัวเต็มที่เสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเมล็ดเจียและเม็ดแมงลักอาจไปดูดซึมน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูก และท้องอืดมากขึ้น
โดยอย่างน้อยที่สุดที่ควรแช่เมล็ดเจียอยู่ที่ 10-15 นาที หรือนานกว่านั้นจะยิ่งดี และอัตราส่วนระหว่างน้ำและเมล็ดเจียที่จะแช่ควรอยู่ที่ราว ๆ เมล็ดเจีย 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน หรืออย่างน้อย ๆ ควรกินเมล็ดเจียด้วยวิธีการโรยลงในอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ และต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคเมล็ดเจียดิบ ๆ อย่างเด็ดขาด
ส่วนเม็ดแมงลักควรแช่น้ำในอัตราส่วน เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา กับน้ำ 1 แก้วใหญ่ แล้วรอจนกว่าเม็ดแมงลักจะกลายเป็นเม็ดมีเมือกสีขาวขุ่นและพองตัวเต็มที่ นอกจากนี้ห้ามกินดิบหรือกินตอนที่เม็ดแมงลักยังพองตัวไม่เต็มที่เด็ดขาด
พลังงานของเม็ดแมงลัก VS เมล็ดเจีย
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นธัญพืชช่วยลดน้ำหนักเหมือนกัน แต่ความต่างก็มีตรงปริมาณพลังงานที่ดูเหมือนเมล็ดเจียจะให้พลังงานมากกว่าเม็ดแมงลัก โดยเมล็ดเจีย 28 กรัม ให้พลังงาน 137 กิโลแคลอรี ในขณะที่เม็ดแมงลักปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 420 กิโลแคลอรีเท่านั้น ซึ่งก็เท่ากับว่าหากรับประทานเมล็ดเจียในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน ร่างกายจะได้รับพลังงานประมาณ 489.2 กิโลแคลอรี หรือมากกว่าเม็ดแมงลักถึง 69.2 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว
เมล็ดเจีย สรรพคุณต่างจากเม็ดแมงลักมากแค่ไหน
ในส่วนของประโยชน์เมล็ดเจีย และประโยชน์เม็ดแมงลัก ต้องบอกว่ามีดีพอ ๆ กัน เหมือนกันตรงช่วยลดน้ำหนักได้ ช่วยลดคอเลสเตอรอลไม่ดีได้ แต่ในเชิงลึกแนะนำให้อ่านเทียบกันจะจะ จากนี่เลย
- แมงลัก สรรพคุณแจ่มแท้ ก่อนกินตามกระแส รู้ 10 เรื่องนี้หรือยัง ?
- เมล็ดเชีย (เมล็ดเจีย) มีดีตรงไหน เผยความลับธัญพืชตัวจิ๋วที่ไม่ยอมรู้คนเดียวแน่
หาซื้อเมล็ดเจียและแมงลักได้ที่ไหน
เม็ดแมงลักเป็นธัญพืชที่คนไทยเห็นกันมาตั้งแต่สมัยไหน ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังเห็นเม็ดแมงลักเป็นหนึ่งในขนมหวานน้ำแข็งไสอยู่บ่อย ๆ การันตีได้ว่าหาซื้อเม็ดแมงลักไม่ยากเลย โดยสามารถเลือกซื้อได้ตั้งแต่ตลาดสด ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า หรือพวกร้านของชำ ร้านขายของแห้งก็มี
มากันที่เมล็ดเจีย โชคดีที่คนสมัยนี้หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เราเลยเห็นเมล็ดเจียวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำทั่วไป ร้านขายอาหารชีวจิต ร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ร้านขายสินค้าโอท็อป โดยมาในรูปบรรจุหีบห่อ ทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบสด หรืออยากจะทดลองปลูกเมล็ดเจียที่บ้านก็สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ตามร้านค้าทางการเกษตรทั่วไปเช่นกันค่ะ
ราคาเม็ดแมงลัก VS ราคาเมล็ดเจีย
เมื่อเทียบระหว่างเมล็ดเจียกับเม็ดแมงลัก ต้องยอมรับว่าเม็ดแมงลักมีราคาย่อมเยากว่ามาก สนนราคาตกอยู่ประมาณ 30 บาท ต่อ 100 กรัม ส่วนเมล็ดเจียแบบบรรจุห่อนั้นมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกรดของเมล็ดพันธุ์ที่อาจมาจากแหล่งผลิตในประเทศ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ
แต่ถ้าใครสนใจอยากซื้อเป็นเมล็ดพันธุ์มาเพาะพันธุ์เอง ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชทั่วไป ชมรมเกษตรประจำจังหวัด หรือมูลนิธิโครงการหลวงค่ะ โดยราคาของเมล็ดพันธุ์จะอยู่ที่ประมาณหลักสิบขึ้นไป หรืออาจไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะมีแจกฟรี
ข้อจำกัดในการกินเม็ดแมงลักและเมล็ดเจีย
อีกหนึ่งความเหมือนกันระหว่างธัญพืชทั้ง 2 ชนิดนี้ก็คือต่างก็มีข้อยกเว้นหรือข้อควรระวังในการรับประทานเมล็ดเจียและเม็ดแมงลักอยู่ด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อควรระวังในการรับประทานเมล็ดเจีย
- คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น มีแก๊สในกระเพาะอาหาร แสบร้อนกลางอก รวมถึงกรดไหลย้อน หากกินเมล็ดเจียเข้าไปแล้ว จะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะเส้นใยไฟเบอร์ที่ขยายตัวในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 จะยิ่งกระตุ้นให้ตับอ่อนเร่งสร้างน้ำย่อยออกมานั่นเอง
- คนที่ต้องเข้ารับการศัลยกรรม หรือ มีประวัติการใช้ยาแอสไพริน ไม่ควรกินเมล็ดเจีย เพราะจะยิ่งทำให้หลอดเลือดบางลง ซึ่งอาจมีผลต่อการเกิดภาวะฮีโมฟิเลีย (Haemophiliacs) หรือภาวะที่เลือดแข็งตัวช้า เลือดไหลไม่หยุด
- มีงานวิจัยเผยว่าผู้ชายไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียมากเกินไป เพราะในเมล็ดเจียมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวแอลฟา ลิโนเลอิก (alpha-linoleic acid) ที่จะไปกระตุ้นให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางบทความระบุว่าไม่เป็นความจริง เรื่องนี้ยังคงต้องศึกษาต่อไป แต่เพื่อความปลอดภัย ผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากควรงดการบริโภคไปก่อน หรือลองปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อแรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวให้ต่ำลง (Diastolic blood pressure) อาจก่อให้เกิดอาการช็อก หรือหมดสติได้
- ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี เพราะร่างกายจะเกิดการเสพติด และเลิกยาก ทางที่ดีควรเว้นช่วงไปบ้าง
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อสารอาหารในน้ำนมให้เปลี่ยนไปจากเดิม
- การกินเมล็ดเจียร่วมกับอาหารเสริมวิตามินบี 17 ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ร่างกายสะสมสารไฟโตนิวเทรียนท์ในปริมาณมาก กลายเป็นสารพิษที่นำมาซึ่งโรคมะเร็งในที่สุด
ข้อควรระวังในการรับประทานเม็ดแมงลัก
- ก่อนรับประทานต้องแน่ใจว่าแช่เม็ดแมงลักจนพองตัวเต็มที่แล้ว เพราะถ้ารับประทานเม็ดแมงลักที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ เมื่อเม็ดแมงลักลงไปอยู่ในท้องก็จะดูดน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูก และท้องอืดมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หากรับประทานเม็ดแมงลักแทนมื้ออาหาร ควรเลือกรับประทานในบางมื้อ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เป็นโรคขาดสารอาหารได้
- การรับประทานแมงลักพร้อมกับยาตัวอื่น ๆ จะมีผลทำให้ร่ายกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้น้อยลง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยากับเม็ดแมงลักพร้อม ๆ กัน โดยให้เลือกรับประทานยาก่อนสัก 15 นาที ค่อยตามด้วยการรับประทานเม็ดแมงลัก
รู้อย่างนี้แล้วจะได้ตัดสินใจถูกว่าเราเหมาะจะกินเมล็ดเจียหรือเม็ดแมงลัก มากกว่ากัน หรือหากจะรับประทานสลับกันทั้งคู่ แบบนี้ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดนะจ๊ะ
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ระบบฐานข้อมูลสารอาหารไทย
healwithfood
chiaseedspot
huffingtonpost
ที่มา : health.kapook