หากกล่าวถึงสิ่งมหัศจรรย์ คงไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่ และน่าหลงใหลไปกว่า “หิมาลัย” (Himalayas) เทือกเขาสูงที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 8,000 พันเมตร ที่ทอดตัวยาวพาดผ่านพื้นที่ 5 ประเทศ ได้แก่ ปากีสถาน อินเดีย จีน ภูฏาน เนปาล แห่งทวีปเอเชีย 



          ด้วยสภาพภูมิประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง ปกคลุมด้วยหิมะ ภายนอกแม้จะเห็นซึ่งความงดงามตระการตาราวกับเป็นวิมานแห่งสรวงสวรรค์ แต่แท้จริงนั้น “หิมาลัย” ยังเป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยสภาพแวดล้อมที่อยู่ในบริเวณนี้นับว่า มีความบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังห่างไกลจากการปนเปื้อนของสารเคมีอีกด้วย

  และแม้ว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเกือบตลอดทั้งปี แต่ยังมีพืชพรรณตามธรรมชาติบางชนิดที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ ภูมิอากาศแบบนี้ได้ หนึ่งในนั้นคือ Swertia Chirata

Swertia Chirata เป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดบนเทือกเขาหิมาลัยในส่วนของแคว้นแคชเมียร์ ของประเทศอินเดีย ไปจนถึงประเทศภูฏาณ มีลักษณะเป็นไม้ดอกพุ่มขนาดเล็ก ซึ่งมีประวัติการนำมาใช้เป็นยามาตั้งแต่สมัยโบราณกว่า 1,000 ปี ของชาวพื้นเมือง อีกทั้งยังมีบันทึกถึงสรรพคุณในการบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ในตำราอายุรเวท เช่น โรคไข้หวัด โรคผิวหนัง บำรุงตับและเลือด รวมถึงใช้ถอนพิษของแมลงบางชนิด เป็นต้น 

          เมื่อความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น นักวิจัยได้ให้ความสนใจถึงคุณสมบัติทางเคมีและเภสัชวิทยาของ Swertia Chirata จึงได้มีการนำสารสกัดจากพืชชนิดนี้ ไปวิเคราะห์หาสารสำคัญ กระทั่งสามารถค้นพบสารในกลุ่ม แซนโทน (Xanthone) ไตรเทอปีนอยด์ (Triterpenoid) และ เจนทิอานิน (Gentianine) : ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบ ฆ่าเชื้อโรค ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังทำให้ผิวหนังมีความนุ่ม และชุ่มชื้น คงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนานอีกด้วย

นี่จึงเป็นที่มาให้วงการเครื่องสำอางเริ่มหันมาให้ความสนใจต่อสารสกัดธรรมชาติจากพืชกลุ่มนี้ในวงกว้าง และมีการนำผลการวิจัยที่ได้ไปเผยแพร่ในงานประชุมวิชาการระดับโลกด้วย จนเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในแวดวงของผู้ผลิตเครื่องสำอางเป็นอย่างมาก

          อย่างไรก็ดี นักวิจัยยังไม่หยุดค้นคว้าถึงคุณสมบัติของ Swertia Chirata จึงได้มีการพัฒนานวัตกรรม สเต็มเซลล์จากพืช (Plant Stem Cell) จากห้องทดลองในประเทศฝรั่งเศส อันจะยิ่งช่วยสกัดสารสำคัญที่มีความเข้มข้นมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะการได้มาซึ่งสารที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และมลภาวะ กระตุ้นการทำงานลึกลงไปถึงระดับเซลล์ผิว เติมเต็มโครงสร้างชั้นผิวให้แข็งแรงและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยให้ริ้วรอยแลดูลดเลือนและจางหายไป
          นวัตกรรมแห่งความงามเพื่อโลกอนาคตยังคงก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการมนุษย์ที่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรารถนาให้ตัวเองยังคงซึ่งความเต่งตึง เปล่งปลั่งตามธรรมชาติไว้อย่างยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้...

*ขอขอบคุณข้อมูลประกอบทางวิชาการจาก www.frontiersin.org

ที่มา : women.sanook