หลายคนอาจจะคุ้นหูกับผักชนิดนี้กันมาก่อนแล้ว และบางคนอาจจะเคยลิ้มลองรสชาติของมันกันไปเรียบร้อยแล้วด้วย แต่จะมีใครรู้บ้างนะว่าฟักข้าวนั้น นับเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

เนื่องจากคุณค่าทางอาหารที่มีมากมายของมันนี่แหละ ที่ทำให้หลายๆ คนหันมาเลือกทานกันมากขึ้น ดังนั้นเมื่อสาวๆ ทานฟักข้าวแล้ว ก็จะมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ถ้าอยากรู้ว่าคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่มาพร้อมกับผักชนิดนี้มีอะไรบ้าง ต้องตามไปดูกันค่ะ

1.ไลโคปีนสูง

ฟักข้าว เป็นผักที่มีสารไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า ซึ่งสารไลโคปีนนั้นจะทำหน้าที่ในการชะลอริ้วรอยแห่งวัย ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยในการไหลเวียนของเลือด รวมถึงต้านความเสื่อมถอยของร่างกายและบำรุงสุขภาพตาได้อีกด้วย

2.ให้คุณค่าทางอาหารเพียบ

นอกจากฟักข้าวจะให้ไลโคปีนสูงแล้ว มันยังมีเบต้าแคโรทีนที่มากกว่าแครอทถึง 20 เท่า มีวิตามินซีสูงกว่าส้มมากถึง 40 เท่า และมีซีแซนทีนสูงกว่าข้าวโพดเหลืองถึง 40 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมากโต รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารได้นั่นเอง

3.ทุกส่วนของฟักข้าวล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น

ไม่เพียงแต่ผลของฟักข้าวเท่านั้นที่มีประโยชน์ แต่ส่วนอื่นๆ ของฟักข้าวอย่างเช่น ใบของฟักข้าว ก็นิยมนำมาใช้เป็นยาถอนพิษ, ยอดของต้น จะมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งสามารถนำมารับประทานได้เพื่อป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ส่วนเมล็ดของมัน ก็จะนำมาใช้บำรุงปอด ส่วนรากก็เป็นยาช่วยขับเสมหะ แก้ผมร่วง และกำจัดเหาได้นั่นเอง

4.ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวีได้

มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่าโปรตีนจากฟักข้าวนั้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวี อีกทั้งมันยังสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาวๆ หลังจากที่ได้ทราบถึงประโยชน์มากมายของฟักข้าวแล้ว คงจะหายสงสัยกันแล้วใช่ไหมว่าทำไมเอ่ยว่า ทำไมฟักข้าวถึงเป็นสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในวงการของคนรักสุขภาพทั้งหลาย

ดังนั้นหากคุณต้องการให้ร่างกายได้รับประโยชน์ต่างๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ก็คงต้องลองออกไปเดินตลาด หาซื้อฟักข้าวมาใช้ในการบำรุงรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้นกันแล้วล่ะค่ะ

 

ที่มา : women.sanook