ดร.คริสตินาระบุว่า ในกลุ่มคนวัยทำงาน มีน้อยคนนักที่จะไม่ดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมเลย ดังนั้น ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน ย่อมต้องมีสารกาเฟอีนตกค้างในร่างกายปริมาณมากโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดอาการอ่อนล้า (Fatigue) และส่วนใหญ่มักเพิ่มปริมาณการดื่มเมื่อเกิดภาวะเครียด

ผลเสียคือ กาเฟอีนทำให้ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ และระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกอยากอาหารหวานมากกว่าปกติ และทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา เช่น ท้องเสีย หากดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนใกล้ๆ กับเวลาที่กินอาหารมื้อหลัก ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กได้น้อยลง ซึ่งในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุนและโลหิตจางได้

มีรายงานว่า กาเฟอีนเป็นสาเหตุให้เกิดเนื้องอกในเต้านมในเพศหญิง ขณะที่หญิงตั้งครรภ์ซึ่งดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนจะทำให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักลดลง ทางองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา จึงมีข้อกำหนดเรื่องปริมาณกาเฟอีนในหญิงตั้งครรภ์อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ยังมีรายงายว่า กาเฟอีนเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งและนิ่วในไตอีกด้วย

 

โปรแกรมเตรียมตัว ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ

• งดเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ อย่างน้อย 2 สัปดาห์

• หลังเข้าโปรแกรมล้างพิษ ไม่ควรรับกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายเกินวันละ 100 มิลลิกรัม โดยชาร้อน 1 แก้ว มีปริมาณกาเฟอีนราว 45-55 มิลลิกรัม ขณะที่กาแฟสำเร็จรูป 1 แก้ว มีปริมาณกาเฟอีน 60-70 มิลลิกรัม ถ้าเป็นกาแฟสด 1 แก้ว มีปริมาณกาเฟอีน 80-150 มิลลิกรัม

 

ข้อควรระวัง

เมื่อปริมาณกาเฟอีนในร่างกายลดลงหลังการล้างพิษ อาจมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนล้า ซึมเศร้า ไม่มีสมาธิ ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ปกติ วงจรการนอนหลับเปลี่ยนไป

 

ที่มา : women.haijai