เสริมสวยให้ดวงตาไม่ระวังทำร้ายดวงตาไม่รู้ตัว

สาวๆ หลายคนที่ชื่นชอบแต่งหน้า และต้องแต่งหน้าก่อนออกจากบ้านอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมบุคลิก และความมั่นใจ โดยเฉพาะการเสริมความงามบริเวณดวงตา ไม่ว่าจะเป็นการเมคอัพให้ดวงตากลมโต ขนตางอนเด้ง หรือ การใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้ตาหวาน ก็อาจจะเป็นการทำร้ายดวงตาของคุณทางอ้อม

การเสริมสวยให้ดวงตารูปแบบต่างๆ จึงต้องระมัดระวัง หากอยากให้ดวงตาคู่สวยปลอดภัยไร้ปัญหา และมีสายตาที่ดีให้เราได้มองไปนานๆ ก็ต้องเริ่มคิดใหม่ และดูแลใหม่ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญของชีวิต

 

4 แฟชั่นเสริมสวยดวงตาฮิต

1.คอนแทคเลนส์

ทุกวันนี้การใส่คอนแทคเลนส์ เฉพาะคอนแทคเลนส์แฟชั่น ซึ่งมีลวดลายสีสันให้เลือกมากมาย หาซื้อได้ง่าย การใส่คอนแทคเลนส์มีข้อควรต้องระวัง สำคัญสุดคือการรักษาความสะอาด จักษุแพทย์จะไม่อนุญาตให้ใส่คอนแทคเลนส์นอน เพราะการสวมคอนแทคเลนส์เป็นระยะเวลานาน จะมีผลข้างเคียงที่ทำร้ายดวงตา แม้คอนแทคเลนส์ชนิดนั้น จะเป็นแบบสวมใส่ระยะยาว แต่ไม่ได้หมายความจะสวมใส่นอนได้ปลอดภัย

เพราะการใส่คอนแทคเลนส์นอนหลับไปเลยนั้น หมายถึงว่า เราไม่ได้นำคอนแทคเลนส์มาถอดล้าง เพื่อทำความสะอาด ให้ลองนึกถึงภาพคอนแทคเลนส์ที่ใส่ เป็นระยะเวลานานจนเกิดการหมักหมม และไม่ได้ถอดออกมาล้างทำความสะอาด ก็จะมีโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่า หรือเราอาจจะเคยได้ยินข่าว เกี่ยวกับเรื่องการใส่คอนแทคเลนส์นอน แล้วเกิดการติดเชื้อ จนกระทั่งลุกลามไปจนทำให้ตาบอด นั่นเพราะสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากการใส่คอนแทคเลนส์นอนนั่นเอง

แต่ถ้าพูดถึงในกรณีที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์นอน จะมีโอกาสเกิดปัญหาได้หรือไม่ ก็มีโอกาสได้ แต่น้อยกว่าการใส่คอนแทคเลนส์แล้วนอนมาก เนื่องจากปัญหาที่สำคัญที่เกิดจากโปรตีนที่มีอยู่ในน้ำตาของคนเรา โดยคราบโปรตีนจะไปเกาะอยู่บนคอนแทคเลนส์ เมื่อเวลาที่เราใส่คอนแทคเลนส์ต่อเนื่องไปนานๆ ก็จะเกิดการแพ้ โดยจะมีอาการตาแดง แสบตา เคืองตา หรือเกิดการแพ้ได้ง่าย ซึ่งปัญหานี้ก็อีกหนึ่งปัญหาที่สามารถพบได้บ่อย

 

2.การใส่ขนตาปลอมและการใช้กาวติดขนตา

กาวติดขนตาถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อสามารถใช้ติดขนตาปลอม และให้เข้ากันกับผิวหนังบริเวณดวงตาของเราได้ แต่ถึงแม้ว่าจะออกแบบมาสำหรับติดขนตาโดยเฉพาะ แต่ในบางคนก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ทำให้มีอาการตาบวม ทั้งนี้เป็นเพราะผิวหนังที่เปลือกตาของเราเป็นผิวหนังส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกาย

ดังนั้น เมื่อมีสิ่งไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการแพ้ ก็จะมีอาการระคายเคือง หรืออักเสบได้ง่ายกว่าผิวหนังส่วนอื่น เช่น ถ้าเราทดสอบด้วย การเอากาวติดขนตาไปป้ายที่มือ เราอาจไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเราใช้ติดบริเวณผิวหนังที่ดวงตาเมื่อไหร่ ก็ยังอาจจะแพ้ได้

สาวๆ ที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมบ่อยๆ หรือมือใหม่หัดติดขนตาปลอม ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะหากติดขนตาปลอมไม่ดี การติดขนตาก็จะมีโอกาสเลอะเข้าไปในดวงตา แล้วก็ไปครูดกับกระจกตา ทำให้เกิดแผลที่กระจกตา และที่ต้องระวังเพิ่มเติม คือ กาวจะทำให้แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกเข้าไปเกาะติดได้ง่ายมาก อาจก่อให้เกิดการอักเสบของดวงตาได้

 

3.อายไลน์เนอร์และมาสคาร่า

การใช้อายไลน์เนอร์และมาสคาร่าในกรณีนี้ อันตรายจะคล้ายคลึงกับการติดขนตาปลอม เพียงแต่อายไลน์เนอร์ และมาสคาร่า สามารถทำให้ผิวหนังของเราเกิดการระคายเคืองได้ในเฉพาะบางคน ที่มีอาการแพ้เครื่องสำอางบางชนิด นอกจากนี้เครื่องสำอางทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมาสคาร่าหรืออายไลน์เนอร์ หากเปิดใช้เป็นระยะเวลานานๆ เครื่องสำอางจะทำปฏิกิริยาออกซิเจนในอากาศภายนอก ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี จากที่ไม่เคยแพ้ก็มีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน

เครื่องสำอางเหล่านี้ ยังทำให้เกิดการอักเสบได้ หากทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ สิ่งสกปรกที่ตกค้างจะไปอุดรูต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา ซึ่งจะเห็นเป็นจุดเล็กๆ ตรงขอบบริเวณเปลือกตา ถ้าหากดูแลทำความสะอาดไม่ดี สิ่งเหล่านี้จะทำให้ดวงตาเกิดการอักเสบได้

 

4.การฉีดสีเข้าไปในดวงตา

แฟชั่นใหม่ล่าสุดจากต่างประเทศ ใช้ในการเปลี่ยนลุคหรือความแฟนซีให้กับการแต่งหน้า หรือแต่งกายสำหรับถ่ายภาพ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตามเล่น เพราะการฉีดสีเข้าไปในดวงตานี้อันตรายมาก หากทำเพื่อแฟชั่นแล้ว ในทางการแพทย์คุณหมอไม่แนะนำให้ทำโดยเด็ดขาด ถือว่ามีความอันตรายมากๆ เพราะโดยปกติแล้วสีที่จะใช้กับดวงตา ต้องเป็นสีที่ผ่านการตรวจ วินิจฉัย หรือการค้นคว้าวิจัยมาแล้ว ว่าใช้กับดวงตาได้และปลอดภัย และสีที่มีไว้สำหรับฉีดเข้าในดวงตา เป็นการใช้เฉพาะทางการแพทย์ เช่น ในกรณีการผ่าตัดเท่านั้น

 

 

อยากดวงตาสวย ต้องระวัง

1.เลือกคอนแทคเลนส์ ควรพิจารณาความพอเหมาะของดวงตา และปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์จะทำการวัดความโค้งกระจกตาหรือที่เรียกว่า เบสท์เคิฟ (Base Curve) และเลือกความโค้งให้เหมาะสมกับดวงตาของคุณได้ การใส่คอนแทคเลนส์ที่มีความโค้ง ที่รัดมากเกินไป หรือหลวมเกินไป เป็นสิ่งไม่ดี เนื่องจากคอนแทคเลนส์ที่รัดเกินไป จะไปรัดกระจกตาทำให้ออกซิเจนผ่านได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการตาแดง แต่หากสวมใส่คอนแทคเลนส์ที่หลวมเกินไป จะมีอาการรู้สึกไม่สบายตา เพราะคอนแทคเลนส์จะมีการขยับใส่แล้ว ทำให้คอนแทคเลนส์หลุดออกจากดวงตาได้ง่าย

 

2.ผู้ที่มีน้ำตาน้อย หรือดวงตาแห้งเกินไป ก็เป็นอันตรายกับดวงตาได้เช่น ถ้าตาแห้งเกินไปก็ไม่เหมาะสมกับการใส่คอนแทคเลนส์ เพราะในเวลาที่เรากระพริบตา น้ำตาจะเป็นตัวช่วยหล่อลื่นให้กับคอนแทคเลนส์ ถ้าในคนที่มีน้ำตาน้อยมากๆ อาจจะทำให้คอนแทคเลนส์ครูดกับกระจกตาได้

 

3.ไม่ควรซื้อคอนแทคเลนส์บิ๊กอายมาใส่เอง เป็นสิ่งที่อันตราย ด้วยตัวเลนส์ที่จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่จะเข้าไปครอบ ทำให้ออกซิเจนเข้าไปในกระจกตาได้ไม่ดี เกิดปัญหาได้ระคายเคืองตาได้ โดยเฉพาะแฟชั่นบิ๊กอาย ที่มีทั้งสีและลวดลายให้เลือกหลากหลายรูปแบบ และหาซื้อมาใช้ได้ง่ายมาก แบบนั้นจะยิ่งเป็นตัวที่ทำให้เกาะสิ่งแปลกปลอมหรือ คราบโปรตีนไปจับตัวที่ตัวเลนส์ได้มากกว่าคอนแทคเลนส์เรียบๆ ธรรมดา ถ้าคราบโปรตีนไปจับมากๆ เข้า จะส่งผลให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อได้

 

4.ตรวจเช็คสุขภาพดวงตา ในกรณีถ้าหากใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรกในชีวิต ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และตรวจสุขภาพดวงตา เพื่อจะได้ทราบว่าดวงตามีปัญหาอะไรหรือไม่

 

5.พิจารณาผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาก่อนซื้อ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้เกี่ยวกับการเสริมสวยดวงตาที่ได้มาตรฐาน มี อย.รับรอง ทั้งนี้เพราะเขาได้ทำการวินิจฉัยหรือผ่านการวิจัยมาแล้ว และใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องตามวิธีใช้

 

6.ไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น การใช้เครื่องสำอางร่วมกัน ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ เช่น มีอาการตาแดง หรือเกิดไวรัสที่ตาได้

 

 7.รับบริการจากแพทย์โดยตรง การฉีดสีเข้าไปในตา โดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ เป็นสิ่งที่อันตรายไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะอาจจะติดเชื้อโรครุนแรงจนตาบอดได้

 

 

การบำรุงดวงตาให้สวยงามและปลอดภัย

ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด ควรใช้น้ำยาสำหรับทำความสะอาดเครื่องสำอางรอบดวงตาโดยเฉพาะ เช็ดรอบๆ ดวงตาอย่างเบามือ หรือถ้าเป็นเครื่องสำอางชนิดที่ละลานน้ำได้ ก็ใช้น้ำสะอาดธรรมดาในการล้าง แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางชนิดกันน้ำได้ ก็ต้องใช้โทนเนอร์ที่ใช้ล้างเฉพาะ และควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อีกทั้งควรรับประทานอาหารให้ครบหมู่ เพื่อเป็นการบำรุงดวงตาให้แข็งแรง และที่สำคัญต้องระวังแสงแดดจ้า ซึ่งอาจทำให้ตาเกิดอาการระคายเคือง ควรเลือกใส่แว่นกันแดดที่มีคุณสมบัติเพื่อป้องกันรังสียูวี ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการปกป้องดวงตาได้ นอกจากนี้ควรไปตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป เพื่อคุณหมอจะได้ทำการคัดกรองและวินิจฉัยโรคได้อย่างทันท่วงที

 

แพทย์หญิงยุพิน ลีละชัยกุล

จักษุแพทย์ (โรคตา)

โรงพยาบาลมิชชั่น