อะโวคาโดเป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เช่น ประเทศเม็กซิโก ประเทศชิลี และประเทศเปรู ในอดีตชาวอินคา มายา และแอซเทค ต่างนิยมกินเป็นอาหาร แต่ชนพื้นเมืองไม่นิยมปลูก
เพราะนักบวชมายาคิดว่าอะโวคาโดเป็นยาโป๊ว ที่สามารถปลุกความรู้สึกทางเพศ จึงห้ามปลูกในศาสนสถานอย่างเด็ดขาด แต่ทั้งนี้เมื่อครั้งคลุกคลีกับชาวมายา ทหารสเปนที่ติดใจในรสชาติได้แอบนำเมล็ดไปเพาะปลูกจนมีการปลูกอย่างแพร่หลาย
เมื่อพูดถึงอะโวคาโด หลายคนมักนึกถึงสลัดอะโวคาโด สมู้ตทีอะโวคาโดเนื้อสัมผัสเนียนๆ และรสชาติมันๆ แต่คุณรู้ไหมว่า เจ้าผลไม้แข็งนอก นุ่มในชนิดนี้ พกพาประโยชน์ด้านความงามมาด้วยเต็มๆ
ประโยชน์จากเนื้อเน้นๆ
ผลการวิจัยจาก สถานีวิจัยปากช่อง สถานบันอินทรีจันทร์สถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงให้เห็นว่า อะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
นอกจากนี้อะโวคาโดยังมีปริมาณไขมันดีค่อนข้างมาก และเป็นไขมันที่สำคัญต่อเซลล์ผิวหนัง ดังนั้น ใครที่มีผิวแห้งกร้าน สามารถนำเนื้อของอะโวคาโดมาบำรุงผิวให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นได้ค่ะ
Don’t Miss ผลิตภัณฑ์สวยครบสูตร
มากด้วยประโยชน์ แถมยังอร่อยสุดๆ เรามาดูกันซิว่า มีผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่ใช้เจ้าผลไม้สีเขียวๆ เหลืองๆ เป็นส่วนผสม ซึ่งคุณไม่ควรพลาด
• ครีมขัดผิว ครีมสครับจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมทั้งเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
• โลชั่นบำรุงผิว ฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น รวมทั้งเสริมความแข็งแรงให้ผิวห่างไกลจากมลพิษ
• มาสก์หน้า นวดวนให้ทั่วหน้า เพื่อทำความสะอาดอย่างล้ำลึกและค่อยๆ คืนความสมดุลให้แก่ผิว
• ยาสระผม ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งเสีย แตกปลายให้ชุ่มชื้น และปกป้องเส้นผมจากมลภาวะ
รู้แล้วนะคะว่าถ้าอยากเป๊ะเว่อร์ ต้องมีเจ้าอะโวคาโดอยู่ใกล้ตัว ไม่ว่าผมหรือผิวจะเยินแค่ไหนก็จัดการได้อย่างอยู่หมัด
ที่มา : women.haijai