ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข
http://www.thaihealth.or.th/
เรื่องโดย : พญ.ปัทมา เชาว์โพธิ์ทอง ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรคมะเร็งรังไข่ เป็นภัยเงียบสำหรับผู้หญิง เนื่องจากไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ที่เฉพาะเจาะจงให้รับรู้ได้เลย ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด อาจมีความผิดปรกติของยีนบางชนิดในร่างกาย และถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
โดยคนที่มียีนผิดปรกตินี้มีโอกาสในการเกิดโรคสูงกว่าคนทั่วไป โดยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงวัยกลางคนหรือสูงอายุ ผู้ที่มีประจำเดือนเร็วและหมดช้า มีญาติใกล้ชิดป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งทางเดินอาหาร รวมทั้งหญิงนั้นเคยป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน ตลอดจนผู้ที่ไม่เคยคลอดบุตร หรือมีบุตรยาก
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ จะมีอาการคล้ายคลึงกับอาการที่เกิดจากความผิดปรกติในระบบอื่นๆ เช่น ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ล่าช้า และมักตรวจพบเมื่ออาการโรคลุกลามออกไปมาก ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร
ดังนั้น หากท่านมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ เช่น ท้องอืดแน่น รู้สึกอิ่มเร็วหลังรับประทานอาหาร ปวดท้องในอุ้งเชิงกราน มีปัสสาวะบ่อย หรือกลั้นลำบาก การขับถ่ายผิดปรกติไปจากเดิม มีเลือดหรือตกขาวผิดปรกติจากช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์
สำหรับการตรวจหามะเร็งรังไข่นั้น แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจภายใน ร่วมกับ การตรวจเพิ่มเติมโดยอัลตรา ซาวนด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณอุ้งเชิงกรานและช่องท้อง ซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายๆไป
มะเร็งรังไข่บางชนิดสร้างโปรตีนซึ่งตรวจพบได้ในเลือด เรียกว่าสารบ่งชี้มะเร็ง สามารถนำมาใช้เพื่อประกอบการวินิจฉัยและตรวจติดตามภายหลังการรักษาได้ แต่ไม่แนะนำให้ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งเพื่อตรวจคัดกรองโรคมะเร็งรังไข่ เนื่องจากความแม่นยำต่ำและไม่เฉพาะเจาะจงต่อโรค
การตรวจพบก้อนที่รังไข่เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นมะเร็งเสมอไป เนื่องจากก้อนที่รังไข่ส่วนใหญ่เป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง และรังไข่ที่โตบางชนิดสามารถยุบเองได้โดยไม่ต้องการการรักษา แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อ รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อนเสมอ
สำหรับการป้องกันโรคมะเร็งรังไข่ที่ง่ายที่สุดคือ หมั่นสังเกตอาการผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หากสงสัยว่ามีอาการผิดปรกติดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาหากตรวจพบว่ามีความผิดปรกติ และควรตรวจสุขภาพโดยเฉพาะทางด้านนรีเวชเป็นประจำทุกปี เนื่องจากระยะของโรคเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อการรักษา
นอกจากนี้ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลรักษาสุขภาพสตรี