ที่มา : ไทยโพสต์
http://www.thaihealth.or.th/
การทำความสะอาดบ้าน นอกจากจะทำให้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นแล้ว ยังทำให้ผู้อยู่อาศัยปลอดภัยจากเชื่อโรค ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคต่างๆ อีกมากมาย
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ของไทยซึ่งเป็นวันครอบครัวผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่มีเวลาทำความสะอาดเพราะต้องกลับภูมิลำเนา หรือไปท่องเที่ยวพักผ่อนในต่างจังหวัด ก็อาศัยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเวลาว่างต่อจากนี้ มาทำความสะอาดบ้านและที่อยู่อาศัยเพื่อลดแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่อาจจะกลับมาทำร้ายและสร้างอันตรายให้แก่ครอบครัวกันโดยเฉพาะเด็กและคนชรา พร้อมกับสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยสบายตาและสบายใจให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ มีข้อมูลจากสำนักงานสนับสนุนกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เสนอแนวทางทำความสะอาดบ้านที่ถูกหลักอนามัย โดยมีคำแนะนำดังนี้
จัดการฝุ่นในบ้านด้วยเครื่องดูดฝุ่น เพราะการใช้เครื่องดูดฝุ่นเป็นวิธีกำจัดฝุ่นที่ดีกว่าการใช้ไม้กวาด เอาไว้สำหรับดูดในบริเวณที่ไม้กวาดไม่สามารถจัดการได้ เช่น พรม หรือตามซอกต่างๆ ของบ้าน เพราะเครื่องดูดฝุ่นสามารถเปลี่ยนหัวปรับให้ทำความสะอาดในพื้นที่ต่างๆ ได้ง่ายๆ จะเป็นฝุ่น ขนสัตว์ เศษแก้ว ก็ไม่หวั่น แถมยังใช้เวลาน้อยกว่าการกวาดบ้านอีกด้วย
เก็บของให้เป็นที่ หยิบมาจากตรงไหน ใช้เสร็จแล้วก็นำกลับไปวางไว้ที่เดิม ไม่ต้องเสียเวลาจัดของใหม่ ทำให้บ้านสะอาดขึ้นเป็นกอง เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดในห้องน้ำและห้องครัว ใส่กล่องหรือใส่ถังรวมเอาไว้ และวางไว้บริเวณใต้อ่างล้านจาน หรืออ่างล้างหน้า คราวนี้จะหยิบใช้ก็สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาหาของอีกด้วย
คัดแยกขยะตามประเภท ได้แก่ ขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร เศษผัก ผลไม้ เป็นต้น โดยเก็บใส่ถุงที่ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่รั่วซึม มัดปากถุงให้แน่น หรือนำไปทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ แก๊สชีวภาพ ส่วนขยะรีไซเคิล เช่น แก้ว กระดาษ ขวด พลาสติก โลหะ ให้เก็บรวบรวมเพื่อนำไปจำหน่าย
สำหรับขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ หลอดไฟ ให้จัดเก็บในภาชนะบรรจุเดิม รวบรวมและนำไปไว้ที่จุดทิ้งขยะอันตราย ส่วนขยะทั่วไปให้เก็บรวบรวมใส่ถุงที่มีความเหนียวทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่รั่วซึม และมัดปากถุงให้แน่น ทิ้งลงถัง ปิดฝามิดชิด อย่างไรก็ตาม ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดภายในบ้านและพื้นที่รอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ยุง หนู แมลงสาบ ที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกและโรคติดต่อต่างๆ ตามมา
ล้างทำความสะอาดส้วมสม่ำเสมอ และเช็ดน้ำให้แห้ง หลังการอาบน้ำหากมีสบู่หรือแชมพูหยดลงบนพื้นควรทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วเช็ดฝ้าบนกำแพง ไล่น้ำบนพื้นออกไปให้หมด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในห้องน้ำในการอาบน้ำครั้งต่อไป โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ ควรมีชั้นวางเป็นที่เก็บอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำเป็นการเฉพาะ
รีบเช็ดอ่างล้างหน้าหลังใช้ หลังจากที่คุณแปรงฟัน หรือล้างหน้าเสร็จแล้ว ควรเช็ดอ่างล้างหน้าให้สะอาด เพราะถ้าปล่อยให้อ่างแห้งเอง ก็จะมีคราบยาสีฟันหรือโฟมล้างหน้าของคุณเหลือเอาไว้ ควรใช้น้ำส้มสายชูประมาณ 1 ถ้วยเททิ้งไว้ 1 คืน แล้วค่อยมาราดน้ำทำความสะอาดอีกครั้งในตอนเช้า จะช่วยขจัดคราบต่างๆ ออกจากอ่างล้างหน้าได้ดี นอกจากนี้หากคุณแปรงผมใกล้อ่างล้างหน้าก็อย่าลืมเก็บเศษผมไปทิ้งด้วย เพราะเศษผมเป็นสาเหตุสำคัญ อาจทำให้ท่อน้ำอุดตันได้
วางรองเท้าให้เป็นระเบียบ ก่อนเข้าบ้านเสียเวลาเอารองเท้าไปวางบนชั้นสักนิด ก็ทำให้บ้านดูเป็นระเบียบขึ้นเยอะ อาจจะแยกชั้น แยกตู้ตามจำนวนรองเท้าของสมาชิกในบ้าน และในตู้วางรองเท้าควรมีอุปกรณ์ทำความสะอาดรองเท้าด้วย ทำให้รองเท้าสะอาดก่อนออกจากบ้าน เพิ่มความมั่นใจให้คุณมากขึ้น ส่วนบริเวณประตู ควรนำพรมเช็ดเท้ามาวาง เพื่อทำความสะอาดฝุ่นที่ติดมากับเท้า และเพื่อป้องกันฝุ่นจากภายนอก
กำจัดของเก่าในตู้เย็น ก่อนที่จะใส่ของใหม่เข้าไป นำของที่หมดอายุหรือของที่ไม่รับประทานแล้วออกมาทิ้งก่อน จากนั้นเช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ โดยเช็ดให้ทั่วบริเวณ แล้วค่อยใส่ของใหม่เข้าไป นอกจากจะได้พื้นที่สำหรับวางของเพิ่มแล้ว ยังช่วยประหยัดไฟฟ้า
ทำความสะอาดเตาแก๊ส การทำอาหารแต่ละครั้ง อาจทำให้เตาแก๊สเลอะเทอะมีคราบสกปรก หรือมีน้ำมันกระเด็น หลังจากที่ปรุงอาหารเสร็จแล้ว ก็ควรทำความสะอาดทันที เพราะคราบเหล่านี้จะเกาะติดแน่น ถ้าหากทิ้งไว้นานจะทำความสะอาดยากกว่าส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะคราบน้ำมัน โดยเลือกใช้น้ำยาขจัดคราบเพื่อทำความสะอาด และอย่าลืมใส่ถุงมือด้วย เพราะน้ำยาเหล่านี้มีฤทธิ์กัดกร่อน อาจจะเป็นอันตรายกับผิวหนังของทุกคนในบ้านได้
กำจัดกลิ่นในครัว อาหารที่แม้จะหอมขนาดไหน แต่ถ้ารวมกับกลิ่นควัน หรือมีหลายๆ กลิ่นรวมกัน ก็ทำให้ปวดหัวได้ วิธีกำจัดกลิ่นง่ายๆ คือการผสมโซดาไฟกับน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย และน้ำมะนาวครึ่งซีก แล้วฉีดรอบๆ ห้องทิ้งไว้ 10-20 นาที กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็จะหายไปทันที เป็นการแก้ปัญหาในครัวด้วยอุปกรณ์ในครัวของแท้เลย
ด้าน นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า ประชาชนที่อยู่ในบ้านและชุมชนต้องมีการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ถูกสุขลักษณะเพื่อลดโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ฝุ่นละออง อับทึบ ชื้น มีเชื้อรา จึงควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาดตามหลักสุขาภิบาล เป็นระเบียบ ห้องนอน ต้องมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกและรับแสงสว่างจากธรรมชาติ
โดยเริ่มตั้งแต่เปิดประตู หน้าต่าง ภายในบ้าน ห้ามเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศขณะทำความสะอาดบ้านหรือขณะกำจัดเชื้อรา เพราะจะทำให้สปอร์ราฟุ้งกระจาย นำเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ออกไปทำความสะอาดนอกบ้าน
สำหรับเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ อาทิ ที่นอน หมอน พรม วอลเปเปอร์ หรือฉนวนกันความร้อน ที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกต้องนำไปทิ้ง โดยทิ้งใส่ถุงมัดปากถุงให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อรา รวมถึงตู้แช่อาหาร ตู้เย็น อาหารซอง และอาหารกระป๋อง ซึ่งจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมและแพร่กระจายของเชื้อโรคได้
นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า หากพบว่าบริเวณใดของบ้านมีเชื้อรา สามารถเช็ดทำความสะอาดบ้านเรือนที่ปนเปื้อนเชื้อราได้ 3 ขั้นตอน คือข้อ 1 พื้นผิววัสดุที่ขึ้นรา ให้ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์พรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย เช็ดพื้นผิวไปในทางเดียว แล้วนำกระดาษทิชชูหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ ทิ้งขยะมัดปากถุงให้เรียบร้อย
ข้อ 2 ผสมน้ำกับสบู่หรือน้ำยาล้างจานใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ชุบเช็ดซ้ำอีกครั้ง และข้อ 3 ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำส้มสายชู 5-7 เปอร์เซ็นต์ หรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 60-90 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้กระดาษชุบเช็ดเพื่อทำความสะอาด และหากพบว่าบริเวณห้องน้ำ ฝาผนังที่ชื้น ให้ทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วยน้ำผสมคลอรีน 3 ส่วน 4 ถ้วย ต่อน้ำ 1 แกลลอน สวมถุงมือ หน้ากากปิดจมูกและปากป้องกันทุกครั้งขณะทำความสะอาด หมั่นดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่อยู่เสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ยุง หนู แมลงสาบ ที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกและโรคติดต่อต่างๆ ตามมา
"สำหรับมูลฝอยและเศษอาหารภายในบ้านต้องกำจัดให้ถูกวิธี โดยเก็บใส่ถุงดำผูกปากถุงให้มิดชิด ทำความสะอาดบ้านและครัวไม่ให้มีเศษหรือกลิ่นอาหารเหลืออยู่ เพื่อลดแหล่งการสะสมของเชื้อโรค และสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค เช่น หนู แมลงสาบ หากพบเห็นไข่แมลงสาบให้นำไปเผาทิ้ง จะช่วยลดจำนวนแมลงสาบลงได้ 14-30 ตัว"
ขั้นตอนง่ายๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้บ้านของทุกคนสะอาดปลอดภัยจากเชื้อโรคได้ พร้อมสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้เกิดขึ้น และสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้อย่างยั่งยืน