ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข
http://www.thaihealth.or.th/
คนที่มีน้ำหนักเกินหรือที่เรียกว่า "อ้วน" จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ และเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ
คนมักโทษกันว่าโรคอ้วนเกิดจากกรรมพันธุ์ จริงๆแล้วกรรมพันธุ์อาจมีส่วนบ้าง แต่การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงขาดการออกกำลังกายก็มีส่วนสำคัญ มีส่วนน้อยที่อาจเกิดจากการที่มีฮอร์โมนผิดปรกติ รวมทั้งจากโรคภายในร่างกาย หรือการกินยากลุ่มสเตียรอยด์ (ซึ่งอาจพบได้ในยาจีน ยาลูกกลอน หรือยาชุดบางชนิด)
กรณีเป็นโรคอ้วนและมีโรคแทรกซ้อน แพทย์อาจให้ยาช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นยาที่ทำให้สามารถควบคุมอาหารได้ดีขึ้น รู้สึกหิวน้อยลงหรืออิ่มเร็วขึ้น หรือยาที่ลดการดูดซึมไขมันจากอาหาร หากมีโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงอาจจะรักษาโดยการผ่าตัดให้กระเพาะอาหารเล็กลง ทำให้ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้เพียงเล็กน้อยในแต่ละมื้อ น้ำหนักจึงลดลงได้ มีสุขภาพที่ดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าตัดต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารไปตลอดชีวิต
นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ หรือข้าวประมาณ 1 ทัพพีต่อวัน โดยสามารถกินอาหารอื่นๆได้ตามต้องการ วิธีนี้พบว่าได้ผลดีในช่วงสั้น เพราะระยะแรกๆน้ำหนักจะลดได้ดีกว่าการลดพลังงานทั่วไป แต่หลัง 6 เดือนไปแล้ว พบว่าอัตราการลดน้ำหนักเท่าๆกับการกินอาหารพลังงานต่ำทั่วไป และมีปัญหาแทรกซ้อนได้มากกว่า จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนหากจะลดน้ำหนักโดยวิธีนี้
การลดน้ำหนักที่ได้ผลดีที่สุดต้องทำร่วมกันระหว่างการควบคุมอาหารที่รับประทานเข้าไปกับการออกกำลังกาย หากทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งมักไม่ได้ผลดี ต้องมีความตั้งใจจริง ฝึกให้เป็นนิสัยที่ต้องทำทุกวัน
สำหรับเทคนิคช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1. กินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ และเป็นเวลา ควรงดอาหารว่างระหว่างมื้อ ถ้าหิวให้ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ให้พลังงาน เช่น น้ำเปล่า น้ำสมุนไพร อาทิ น้ำตะไคร้ น้ำใบเตย (ไม่ต้องเติมน้ำตาล) จะลดความรู้สึกหิวลงได้ 2. ห้ามอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะอาจจะทำให้กินมากขึ้นในมื้อต่อไป
3. ปริมาณอาหารควรจัดให้สมดุลตลอดวัน ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น โดยเฉพาะควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารหลัง 6 โมงเย็น หรือช่วงกลางคืน 4. ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ให้พลังงานไม่น้อยเลยทีเดียว คือ 1 กรัม ให้พลังงาน 7 แคลอรี และแอลกอฮอล์กระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังให้พลังงานเพียงอย่างเดียวโดยไม่ให้สารอาหารอื่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย
5. ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองในการดื่มเครื่องดื่มโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวาน เนื่องจากน้ำตาลกระตุ้นให้เกิดการกินมาก เช่นเดียวกับสารที่ให้รสหวาน 6. ไม่ควรรีบกินอาหาร ควรเคี้ยวช้าๆ การกินเร็วจะทำให้กินอาหารมากเกินอัตรา และ 7. ควรคำนึงอยู่เสมอว่าการกินทุกครั้งไม่ใช่เพราะความอยากอาหาร แต่กินเพราะร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานและสารอาหารในการดำรงชีวิต อันจะก่อให้เกิดสุขภาพดี
คนที่อ้วน การลดน้ำหนักจะทำได้ยาก ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือคอยเฝ้าระวังน้ำหนักตัว อย่าปล่อยให้อ้วน โดยการระวังเรื่องอาหารร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นการป้องกันซึ่งดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง