ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

http://www.thaihealth.or.th/

 

อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยความสุขคนไทยขยับขึ้นเหตุจัดสรรเวลาได้ สุขภาพดี ชุมชนปลอดภัย แนะสร้างสุขด้วยการคิดบวก

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าจากรายงานความสุขโลก ปี ค.ศ. 2016 ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความสุขอันดับ 1 ของโลก ส่วนประเทศไทยมีความสุขอยู่ลำดับที่ 33 ของโลกขยับขึ้นจากลำดับที่ 34 ในปีที่แล้ว และ อันดับที่ 36 ในปี 2013 โดยยังคงอยู่ในลำดับที่ 2 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ทั้งนี้ คะแนนความสุขจากการสำรวจ

เป็นผลจากปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดย รายงานความสุขโลก ได้สรุปผลการวิเคราะห์ไว้ว่า ปัจจัยกำหนดระดับความสุขของแต่ละประเทศ ขึ้นกับปัจจัยสำคัญห้าประการ ได้แก่ 1.ระดับรายได้ 2. จำนวนปีสุขภาพดี 3. การมี คนช่วยเหลือยามต้องการ 4. ความมีอิสรภาพ และ 5.ระดับการแพร่ระบาดของคอรัปชั่น ซึ่งการที่ประเทศไทยมีความสุขดีขึ้นต่อเนื่อง อาจอธิบายได้ว่า ปัจจัยทั้ง 5 ประการข้างต้นของไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบ กับประเทศอื่น จึงทำให้การจัดลำดับดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังอาจอธิบายได้จากผลการสำรวจความสุขคนไทยที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จากความร่วมมือระหว่างกรมสุขภาพจิต สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ด้วยแบบสำรวจสุขภาพจิตคนไทย ฉบับสั้น 15 ข้อ ที่พบว่า การจัดสรรเวลาสำหรับงาน/ชีวิตส่วนตัว/ครอบครัวได้ดี มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี อาศัยอยู่ในชุมชนที่ปลอดภัย เป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ที่ส่งผลต่อความสุขของคนไทย โดยพบว่า การจัดสรรเวลาสำหรับงาน/ชีวิตส่วนตัว/ครอบครัวได้ดีจะมีความสุขมากกว่า 4.2 เท่า

ขณะที่ การมีสุขภาพดี จะมีความสุขมากกว่า 3.9 เท่า และการอาศัยอยู่ในชุมชนและสังคมที่ปลอดภัย จะมีความสุขมากกว่า 2.9 เท่า รวมทั้งยังพบว่า การมีสายสัมพันธ์ที่ดีมีแรงเกื้อหนุนทางสังคม ทั้งการมีเพื่อนหรือคนในสังคมคอยช่วยเหลือยามที่ต้องการ มีครอบครัวที่มีความรัก เอื้ออาทรต่อกัน ตลอดจน ยึดหลักศาสนา ทำสมาธิ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขคนไทยเช่นกัน เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสุขของประชาชนเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ไม่ใช่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่รวมถึงการมีสุขภาพที่ดี และสังคมที่แข็ง แรงด้วย

สำหรับแนวทางสร้างสุขง่ายๆ ที่สร้างขึ้นได้ในทุกวัน โดยเริ่มจากตัวเอง แล้วส่งต่อความสุขนั้นไปยังคนรอบข้าง ครอบครัว ชุมชน และสังคมต่อไป ด้วยวิธี “คิดบวก” ซึ่งเป็นอีก 1 วิธีสร้างสุข จาก บัญญัติสุข 10 ประการที่ได้ผล และเป็นวิธีที่สมาชิกแฟนเพจสุขสร้างได้ (SUKSANGDAI) ในวัยต่างๆ จากทุกภาคทั่วประเทศ โหวตให้เป็นวิธีสร้างสุข ลำดับที่ 4 ต่อจาก 3 วิธีแรกที่ได้รณรงค์ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา คือ “ให้เวลา ขยับกาย กระจายสิ่งดี”

“เราทุกคนสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเองในทุกวัน ทุกเวลา และทุกสถานที มาร่วมสร้างความสุขและส่งต่อความสุขไปยังคนรอบข้างด้วยกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของสังคมไทย” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว