อันตราย"ผู้ป่วยไบโพลาร์" เสี่ยงฆ่าตัวเอง-ทำร้ายผู้อื่น คนที่มีอาการของโรคนี้ จะแสดงอารมณ์ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เปลี่ยนไปจากปกติเป็นช่วงๆ สลับซึมเศร้า อีกเดือนเป็นปกติ วนเป็นอีกแบบนี้ไปเรื่อย

 

คนที่มีอาการของโรคนี้ จะแสดงอารมณ์ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เปลี่ยนไปจากปกติเป็นช่วงๆ สลับซึมเศร้า อีกเดือนเป็นปกติ วนเป็นอีกแบบนี้ไปเรื่อยๆ หลายคนที่ท่องโลกออนไลน์ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คงได้เห็นคลิปวิดีโอ ที่ปรากฏภาพสาวขับเก๋งใจกล้าเต้นเปลือยกลางถนน ย่านวังหิน ทำเอาผู้คน พ่อค้า แม่ค้า ละแวกนั้น ที่กำลังจับจ่ายซื้อของแตกตื่นตกใจกันยกใหญ่ จนชาวบ้านต้องเรียกตำรวจ เข้ามาควบคุมเหตุการณ์ จึงสงบลงได้

จริงอยู่ “ผู้หญิงคนนี้” ทำในสิ่งที่คนปกติเขาไม่ทำกัน ซึ่งเหตุผลที่ควบคุมไม่ได้ จำต้องแสดงเช่นนั้นออกมา ญาติของเธอบอกว่า เธอป่วยเป็น “โรคไบโพลาร์” แต่ทำไมรุนแรงถึงขั้นเปลือยกายล่อนจ้อน ลองมาทำความรู้จักกับโรคกันสักนิด มนุษย์ยุคโซเชียลฯจะได้เลิกด่าคนอื่นแบบไม่ลืมหูลืมตา เพราะนาทีนี้ต้องถือว่า เธอเป็นผู้ป่วยจริงๆ

รศ.พญ.บุรณี กาญจนถาวัลย์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า “ไบ” ที่แปลว่า 2 และ “โพลาร์” ที่แปลว่า ขั้ว คือ โรคที่มีความผิดปกติของอารมณ์เป็น 2 ขั้ว มีทั้งช่วงที่อารมณ์ดีคึกคักพลุ่งพล่าน (mania) และบางช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้า (depressed) แต่บางคนมีอารมณ์คึกคักพลุ่งพล่านอย่างเดียว โดยไม่มีอารมณ์ซึมเศร้าก็ได้

โรคนี้ไม่ใช่โรคจิต และเป็นได้ทั้งหญิง-ชาย แต่ลองเช็กดูว่าอาการเหล่านี้ เกิดขึ้นกับคนรอบข้างหรือเปล่า

“ช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้า” จะเบื่อหน่ายท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร มองทุกอย่างในแง่ลบ เรี่ยวแรงลดลง คิดอยากตาย ซึ่งมีไม่น้อยที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย

“ช่วงที่อารมณ์ดี คึกคักพลุ่งพล่าน” จะเชื่อมั่นในตัวเอง รู้สึกมีความสำคัญ นอนน้อยกว่าปกติแต่ไม่มีอาการเพลีย พูดจาเร็ว หรือพูดไม่ยอมหยุด ความคิดแล่นเร็ว มีหลายอย่างเข้ามาในสมอง สมาธิจึงลดลง วางแผนการทำงานล่วงหน้าดี แต่มักทำออกมาได้ไม่ดี และทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายหรือผิดกฎหมาย

สิ่งสำคัญคนที่เป็นขั้ว “คึกคักพลุ่งพล่าน” ไม่คิดจะมารักษา เพราะอาการทุกอย่าง คือ ความสุข และจะไม่รู้สึกว่าเป็นโรคด้วยซ้ำไป

“ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง” คือสาเหตุของโรคนี้ ซึ่งใครที่เป็นโรคไบโพลาร์ มักมีประวัติญาติป่วยเป็นโรคทางอารมณ์ แต่ไม่ใช่โรคทางพันธุกรรม เพราะบางคนเป็นโดยไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ก็มี ซึ่งความเสี่ยงต่อไปจะตกอยู่ที่ “ลูก” มีโอกาสเป็นโรคมากกว่าคนทั่วไปถึง 8 เท่า อาจจะยังไม่ทราบสาเหตุสารเคมีที่แน่ชัด สิ่งที่จะกระตุ้นให้แนวโน้มการเกิดโรคนี้ แฝงออกมาให้เห็น คือ “ถูกกดดันทางจิตใจ คนรักเสียไปกะทันหัน ตกงาน ญาติเสียชีวิต หรือเสพยาใช้สารอื่นๆ”

โรคนี้จริงๆ แล้วน่ากลัวมากๆ หากไม่เข้ารับการรักษา จะไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้เลย บางครั้งตัวผู้ป่วยเองก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ระดับอารมณ์แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จะแตกต่างกันออกไป นี่แหละเรียกว่า “อันตราย”แต่สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้ยา ยับยั้งควบคุมอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ให้อยู่ในความปกติ และควรมีแพทย์คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาทางจิตใจ ผู้ป่วยจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสังคม และจัดการกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตได้มากขึ้น บอกไปแล้วว่า โรคอารมณ์ 2 ขั้ว หรือ “ไบโพลาร์” มีอาการที่เสี่ยงฆ่าตัวตาย หรืออาจจะร้ายแรงไปจนถึงการทำร้ายผู้อื่นด้วย จึงต้องได้รับการรักษาและเข้าบำบัดอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้น “ความเสี่ยง” ที่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็จะเกิดขึ้นตามที่เห็นในคลิป และไม่มีใครอยากป่วยเช่นกัน

 

ที่มา : www.dailynews.co.th

http://www.thaihealth.or.th/