การเดินทางด้วยการขับรถยนต์ไปพร้อมกกับสัตว์เลี้ยงแสนรักไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับน้องหมาสุดที่รักของคุณ เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วน้องหมามักจะไม่ชอบอยู่ในสถานที่คับแคบหรืออยู่นิ่งๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งหากเจ้าตูบแสนรักของคุณไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องในขณะเดินทางด้วยรถยนต์ ก็อาจเกิดอันตรายขึ้นกับคุณและน้องหมาคู่ใจได้

เพราะนอกจากเจ้าตูบจะไม่ชอบอยู่นิ่งๆ แล้ว มันยังอาจจะรบกวนสมาธิของคุณในระหว่างการขับรถด้วย เมื่อคุณเสียสมาธิก็อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ เราจึงขอแบ่งปันเคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยให้การเดินทางของคุณกับสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นอีกหนึ่งทริปที่น่าจดจำและปลอดภัยถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพมาฝากคุณผู้อ่าน

1.ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงนั่งตักหรือเบาะนั่งแถวหน้า แม้คุณจะอยากให้น้องหมาแสนรักนั่งเคียงคู่กับคุณเป็นตุ๊กตาหน้ารถมากเพียงใดก็ตาม ถึงแม้คุณจะขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ชม. ก็เถอะ จงรู้ไว้เลยว่าสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีและมีน้ำหนักตัวเพียง 30 กก. ก็อาจกลายเป็นจรวดมิสไซล์ขนาดจิ๋วที่มีน้ำหนักมากถึง 1,350 กก. พุ่งไปข้างหน้าได้หากเกิดการเบรกกะทันหัน ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของ สัตว์เลี้ยง คุณควรให้เจ้าตูบอยู่ในกรงที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกหรือใช้สายรัดที่ออกแบบพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงเกี่ยวยึดไว้กับเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยขณะขับรถน่าจะดีที่สุด

2.ควรเตรียมความพร้อมให้กับสัตว์เลี้ยงก่อนการเดินทางจริง โดยคุณอาจทดลองพาน้องหมานั่งรถไปกับคุณในระยะทางสั้นๆ ก่อนเป็นครั้งแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทางให้ไกลขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับเจ้าตูบ และช่วยให้มันปรับตัวเตรียมรับกับทุกการเดินทางของคุณ จะได้เดินทางได้อย่างราบรื่นไร้กังวล

3.ไม่ควรทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถตามลำพัง ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไรก็ตาม ยิ่งเป็นประเทศในเขตร้อนอย่างเมืองไทยด้วยแล้วยิ่งห้ามเลย เนื่องจากอุณหภูมิภายในรถสามารถเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณได้

4.ไม่ควรปล่อยให้น้องหมาต้องขาดน้ำระหว่างการเดินทาง แนะนำว่าคุณควรวางแผนเส้นทางการเดินทางที่เหมาะสมและสามารถแวะจอดพักได้บ่อยครั้งตามที่ต้องการ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้หยุดพักกินอาหารหรือเดินเล่นยืดเส้นยืดสายบ้าง ก็จะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลให้ทั้งคุณและน้องหมาได้

5.ควรให้อาหารที่ย่อยง่ายกับน้องหมาก่อนการเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนหรือเวียนหัวเนื่องจากอาการเมารถของเจ้าตูบ เดี๋ยวคุณจะต้องมาเช็ดถูรถให้เหนื่อยแรงเพราะน้องหมาตัวดีในภายหลัง ก็จะทำให้รู้สึกเซ็งเปล่าๆ

6.หากคุณมีสัมภาระของคุณเอง สัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณก็ต้องมีสัมภาระส่วนตัวที่ต้อง เตรียมไปด้วยเช่นกัน อาทิ ชามใส่อาหารและน้ำ ถุงใส่ขยะ ยาสามัญสำหรับสัตว์เลี้ยง บันทึกการฉีดวัคซีน รวมทั้งของเล่นชิ้นโปรดหรือของที่คุ้นเคยเพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดให้กับน้องหมาของคุณระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย

จะเห็นว่าการเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนการเดินทางให้เจ้าสี่ขาที่น่ารัก นับเป็นเรื่องที่คุณควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ปฏิบัติตามเคล็ดลับเบื้องต้นที่กล่าวมา เท่านี้ก็จะช่วยสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรักและตัวคุณเองได้แล้ว แถมยังเป็นการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวอันน่าประทับใจให้กับทั้งคุณและน้องหมาสุดที่รักตลอดไปด้วย

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

http://www.thaihealth.or.th/