ขณะนี้มีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหลายโรคยังไม่สามารถหาวิธีรักษาที่หายขาดได้ ดังนั้น สิ่งที่ควรต้องคำนึงถึง ที่สุด คือ การสร้างภูมิต้านทานให้กับตัวเอง หรือเรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง ยิ่งกว่านั้นโรคในเด็กเล็กยังเป็นโรคที่มีความน่าเป็นห่วงกว่าหลายเท่าเพราะเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่มาก

 

โครงการคำสัญญาจากแม่สู่ลูก (I Will Protect You Dear campaign)จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ปกครองได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกัน "โรคไอพีดี"เพื่อสุขภาพที่ดีของเด็กเล็ก เพราะการป้องกันมักดีกว่าการรักษาเสมอ

โดยเฉพาะโรคไอพีดี หรือโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสแบบรุนแรงและแพร่กระจาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด และโรคปอดบวม

พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด กล่าวว่า เชื้อนิวโมคอคคัสมีมากกว่า 90 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสแบบรุนแรงและแพร่กระจาย หรือไอพีดี รวมไปถึงโรคใกล้ตัวที่ทุกคนทราบกันดี ซึ่งพบบ่อยแต่ไม่รุนแรง เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบ (หูน้ำหนวก) โรคไซนัสอักเสบ โรคคออักเสบ บาง

นอกจากนี้โรคไอพีดียังก่อให้เกิดอันตราย โดยเฉพาะในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบซึ่งมีอัตราความเสี่ยงมากกว่าเด็กวัยอื่นๆ และถึงแม้จะรักษาหายแต่อาจมีผลแทรกซ้อนตามมาภายหลังได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุนแรง

จากสถิติขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ พบว่าเฉพาะในปีพ.ศ.2558 เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเสียชีวิตไปไม่น้อยกว่า 900,000 ราย จากโรคปอดบวม ซึ่งเป็นโรคที่สามารถรักษาและป้องกันได้

การป้องกันโรคไอพีดีในเด็กสามารถทำได้โดยการให้ความรู้แก่เด็กและ ผู้ปกครองเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยที่ดี อาทิ การล้างมือบ่อยๆ ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่จามหรือไอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่เป็นไข้หวัดหรือป่วย อยู่ให้ห่างจากควันบุหรี่ และไม่พาเด็กไปในที่ที่มีผู้คนแออัด ทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยป้องกันลูกน้อยได้ในระดับหนึ่ง และหากเป็นไปได้คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยอย่างเหมาะสม

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทานให้ลูกน้อยได้ นอกจากนี้ ในน้ำนมแม่ยังมีสารภูมิคุ้มกันที่สำคัญหลายชนิด

"ดังนั้น การให้ลูกน้อยกินนมแม่อย่างต่อเนื่องไปนานๆ ก็สามารถสร้างเสริมภูมิต้านทานได้อย่างดีเช่นกัน" พญ.สุธีรากล่าว

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด โดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

http://www.thaihealth.or.th/