เป็นที่ทราบกันดีว่าอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์กินเข้าไปย่อมส่งผลต่อลูกน้อยในท้องด้วย ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำให้สุขภาพของลูกน้อยในท้องแข็งแรง...สำหรับอาหารที่มีประโยชน์ต่อลูกในครรภ์มีให้เลือกมากมาย สุขภาพดีจึงหยิบยกอาหาร 9 อย่างที่หาทานง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นประโยชน์ต่อลูกน้อยและคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สุด มีดังนี้
1 มันเทศ อยู่ในหมู่อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตซึ่งให้พลังงานกับคุณแม่ตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมันเทศมีรสชาติอร่อย หวาน มัน... มันเทศยังเป็นพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงมากอีกด้วย เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินบี6 และวิตามินซี คุณประโยชน์ของมันเทศต่อลูกน้อยในครรภ์ คือ ช่วยเรื่องพัฒนาการของตา กระดูกและผิวหนัง
2 เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ ล้วนอยู่ในหมู่อาหารประเภทโปรตีน ช่วยเสริมสร้างระบบเซลล์และเลือดของเด็กทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องพัฒนาการของกล้ามเนื้อได้ดีอีกด้วย คุณแม่ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันเพื่อหลีกเลี่ยงไขมันที่มากับเนื้อสัตว์เพราะถึงแม้รสชาติมันจะอร่อยแต่ไม่ส่งผลดีต่อลูกน้อยเลยค่ะ
3 ปลาแซลมอน เพราะมีกรดไขมันดี อย่างโอเมก้า3 ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกน้อยในด้านการพัฒนาระบบประสาทและสมอง อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรเลือกรับประทานปลาแซลมอนที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติมากกว่าปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยง เพราะปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงถูกกระตุ้นการเจริญเติบโตด้วยอาหารเม็ด อาจมีสารเจือปนในเนื้อปลา ไม่เหมาะให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทาน ก่อนการซื้อควรรู้แหล่งที่มาของปลาแซลมอนด้วย
4 ผักใบเขียว อุดมไปด้วยไฟเบอร์ แคลเซียม แร่ธาตุ วิตตามินต่างๆ มากมาย สารอาหารในผักใบเขียวยังช่วยเรื่องพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในไฟเบอร์ยังช่วยให้การขับถ่ายของคุณแม่ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยซับไขมันและสารพิษออกจากลำไส้ได้เป็นอย่างดี ย่อมส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์ไปด้วย ผักใบเขียวที่คุณแม่ควรรับประทาน เช่น ผักโขม ผักคะน้า บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ตำลึง
5 โยเกิร์ต นอกจากจะเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์ ไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินบี โปรตีน แคลเซียมและสังกะสีในปริมาณสูง ในโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นการรับประทานโยเกิร์ตในช่วงตั้งครรภ์ควรจะรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์มีกระดูกและฟันที่แข็งแรงและช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดและช่วยควบคุมน้ำหนักของลูกน้อยให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอีกด้วย
6 ไข่ ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ มากด้วยคุณค่า และสารอาหารเมื่อเทียบกับราคา เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี อีกทั้งมีโฟเลตสูงซึ่งเหมาะกับการบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก คุณแม่สามารถเลือกไข่มาทำอาหารบำรุงครรภ์ได้หลากหลาย เช่น ไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ไข่ดาว อย่างไรก็ดีควรใช้วิธีการประกอบอาหารประเภทไข่ที่ไม่มีส่วนผสมของไขมันมากเกินไปหรือใช้น้ำมันในการทอดไข่ที่เป็นไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว แทนน้ำมันปาล์ม สารอาหารในไข่ยังส่งผลดีต่อการพัฒนาด้าน ตา กระดูก และผิวหนังของทารกในครรภ์อีกด้วย
7 ข้าวโอ๊ต ถือเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยวิตามินบี6 ไฟเบอร์ แร่ธาตุต่างๆมากมาย ซึ่งวิตามินบี6 ในข้าวโอ๊ตจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการในครรภ์ดีขึ้น ข้าวโอ๊ตยังเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานกับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี จึงช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่น มีกำลังเพิ่มขึ้นหลังจากรับประทาน
8 น้ำส้มคั้น อุดมไปด้วยวิตามินซี โฟเลท โพแทสเซียม ซึ่งโฟเลทที่คุณแม่ดื่มขณะตั้งครรภ์จะเข้าไปช่วยลดความเสี่ยงของการพิการในเด็กทารก โพแทสเซียมช่วยพัฒนาการการทำงานของกล้ามเนื้อในทารก วิตามินซีช่วยให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้คุณแม่เป็นหวัดได้ยากขึ้น นอกจากนี้วิตามินซียังส่งผลให้คุณแม่มีผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสและส่งผลไปยังลูกน้อยด้วยเช่นกัน
9 ถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนและแมกนีเซียม ซึ่งแมกนีเซียมจะช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดของทารกได้ ถั่วยังเป็นอาหารว่างให้กับคุณแม่เวลาอยากทานจุบทานจิบ ถั่วให้พลังงาน มีคุณค่าแต่ไม่ทำให้คุณแม่อ้วน หรือเพิ่มน้ำหนักให้แก่คุณแม่ แถมหาทานได้ง่าย แต่ต้องระวังอย่าเลือกถั่วที่คลุกเกลือจนเค็มจัด เพราะเกลือโซเดียมสูงอาจทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน และความดันสูงแก่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้
9 อาหารที่แนะนำ...ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่น่าทานทั้งนั้นเลยใช่ไหมค่ะ...รู้จักเมนูต่างๆไปแล้ว อาหารคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสำหรับคุณแม่ หรือคุณพ่อที่ต้องเตรียมอาหารแต่ละมื้ออีกต่่อไป เป็นอาหารที่หาง่าย ให้ประโยชน์ต่อความสมบูรณ์ แข็งแรงแก่คุณแม่ และบำรุงลูกน้อยให้เจริญเติบโตเต็มที่ตั้งแต่อยู่ในท้องได้อีกด้วย...นอกเหนือจากอาหารที่ควรทานแล้ว สุขภาพดียังมีอาหารอีก 9 อย่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์่ควรระวัง หรือหลีกเลี่ยงไม่ทาน มีอะไรบ้าง ลองติดตามดูนะคะ