เคยกันหรือไม่คะ เวลาเรารู้สึกระคายคอคลับคล้ายมีเศษอาหารหรือเศษก้อนอะไรสักอย่างรวมตัวกันจนจับกลุ่มเป็นก้อนติดกันอยู่ภายใน

และหากก้อนดังกล่าวหลุดออกมาหน้าตาลักษณะของมันก็จะเป็นก้อนสีเหลืองขาวๆ คล้ายก้อนเนยแข็งเล็กๆ นั่นเอง ทว่าแม้หน้าตามันจะเล็กกระจิดริดนิดเดียว

แต่กลิ่นของมันช่างเหม็นเน่าจนเหลือบรรยาย เห็นทีเราคงต้องมาทำความรู้จักที่มาที่ไปของเจ้าก้อนสีขาวนี้กันดีกว่า

และนี่เองด้วยหรือเปล่านะ สาเหตุที่ทำไมเราแปรงฟัน ล้างปากสารพัดวิธีก็แล้ว แต่ปัญหากลิ่นปากระดับชาติก็ยังไม่หมดไป

ซึ่งปัญหาดังกล่าวมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับต่อมทอนซิลภายในลำคอเรานั่นเอง ฉะนั้น วันนี้เลิกกลุ้มกันได้แล้วค่ะ เพราะเรามีคำตอบมาแจ้งให้ทราบเพื่อให้คุณนำไปรับมือป้องกันกันโดยละเอียดดังนี้แล้ว

credit: Glacko2021 at the English language Wikipedia [GFDL or CC-BY-SA-3.0], via Wikimedia Commons

credit: Glacko2021 at the English language Wikipedia [GFDL or CC-BY-SA-3.0], via Wikimedia Commons

ทอนซิลคือ อะไร?

ทอนซิล (Tonsils) คือ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจซึ่งมีด้วยกันหลายตำแหน่ง ได้แก่ ข้างลิ้น (palatine tonsil) หลังจมูก (nasopharyngeal tonsil adenoid) บริเวณผนังคอด้านหลังและบริเวณโคนลิ้น ทอนซิลนั้นถือเป็นตัวช่วยคุ้มกันโรคเฉพาะจุด มีกระบวนการทำงานโดยจะคอยจับเชื้อโรคมาเก็บสะสมไว้ภายในหลืบ(Crypt) จนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนิ่วทอนซิล (Tonsillolith) ซึ่งก้อนสีขาวเหลืองมักจะออกมาจากบริเวณร่องของต่อมทอนซิลนั่นเอง

เมื่อเกิดโรคนิ่วในต่อมทอนซิลขึ้นแล้วย่อมทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกรำคาญอยู่หลายครั้ง เพราะเหมือนมีก้อนหรือเศษอะไรเล็กๆ ติดระคายอยู่ในลำคอ จนส่งผลให้เป็นต่อมทอนซิลอักเสบในเวลาต่อมา อีกทั้งยังมีอาการเจ็บคอเป็นระยะซึ่งจะเกิดแบบเป็นๆ หายๆ พร้อมกัน และที่สำคัญยังก่อให้เกิดปัญหากลิ่นปากตามมาอย่างร้ายแรง ซึ่งนี่เองที่หลายคนแปลกใจนักว่าทำไมแปรงฟันก็แล้วหรือบ้วนปากฆ่าเชื้อกันไปแล้ว แต่ทำไมยังกลิ่นปากยังมีอยู่ สาเหตุก็เพราะเจ้าตัวนิ่วในต่อมทอนซิลนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้มีอาการปวดร้าวไปยังหูและบางรายอาจมีอาการไอเรื้อรังร่วมด้วย แต่ปัญหาสุขภาพดังกล่าวนั้นส่วนมากมักจะพบในวัยผู้ใหญ่มากกว่าวัยเด็ก

ปกติแล้ว ต่อมทอนซิลบริเวณด้านข้างคอเรานั้นจะมีร่องหรือซอกหลืบ (Crypts) ซึ่งเป็นเหตุให้มีเศษอาหารเข้าไปติดหรือตกค้างภายในได้ และเซลล์ที่ตายแล้วจะมีการหลุดลอกตัวออกมาเป็นแบคทีเรีย เม็ดเลือดขาวและเอ็นไซม์จากน้ำลายซึ่งจะเข้าไปทำหน้าที่ย่อยสลายจนกลายเป็นสารที่มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆ คล้ายเนยสีขาวเหลืองสะสมอยู่ภายใน บางรายอาจมีสารแคลเซียมเข้ามาเกาะร่วมด้วย จึงทำให้เกิดลักษณะคล้ายกับก้อนแคลเซียมเกาะติดอยู่ภายในร่องของต่อมทอนซิล(Tonsillolith) ด้วยนั่นเอง

อาการของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังที่หลายคนเป็นกันไม่รู้ตัวซึ่งพ่วงมาพร้อมปัญหากลิ่นปากนั้น มักเกิดขึ้นจากเศษอาหารที่ตกตะกอนกับแคลเซียมจากน้ำลาย จากนั้นเมื่อมันได้เข้าไปฝังตัวอยู่ตามร่องของต่อมทอนซิลจนกลายเป็นก้อน เรามักจะเรียกกันว่า เม็ดข้าวสุก , หินปูนทอนิน หรือTONSILLOLITH หากเป็นบ่อยครั้งเข้าย่อมกลายมาเป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองลำคอเป็นประจำได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการดังกล่าวหนักและเรื้อรังขึ้นในระยะยาว แนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคอาหารประเภทแป้งและโปรตีนลง เพื่อเป็นการช่วยลดปริมาณของเศษอาหารที่เข้าไปตกตะกอนร่วมกับน้ำลายจนเกิดเป็นก้อนเม็ดข้าวสุกตามมา

หากผู้ป่วยต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังไม่ได้มีต่อมที่โตมาก หรือไม่พบอาการอุดตันของระบบทางเดินหายใจ เช่น ปัญหาการนอนกรน นอนหายใจเสียงดังหรือแม้แต่การกลืนลำบากก็อาจไม่ต้องรักษาโดยการผ่าตัดทอนซิล แต่แพทย์จะจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียให้มาทานก่อน ซึ่งเป็นยาครอบคลุมเชื้อชนิด ANAEROBE BACTERIA เป็น BACTERIA อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นภายในช่องปาก

หากผู้ป่วยมีอาการของต่อมทอนซินโดยมีต่อมที่โตมากและยังมีอาการอุดตันภายในลำคอ กระทบจนมีปัญหาการนอนกรน หายใจเสียงดังและกลืนลำบาก ต่อมาก็อาจจะกลายเป็นคนที่มีประวัติเจ็บคอบ่อย อันเนื่องมาจากต่อมทอนซินอักเสบบ่อย ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ย่อมเป็นข้อพิจารณาเพื่อนำไปสู่การผ่าตัดทอนซินทั้งสองข้างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การรักษาต่อมทอนซิลโตนั้นแบ่งได้เป็น วิธี คือ การผ่าตัดและไม่ผ่าตัด

รักษาด้วยการไม่ผ่าตัดจะใช้วิธีป้องกันและรักษาแบบธรรมชาติที่ผู้ป่วยสามารถทำเองได้ ดังนี้
1. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วให้กลั้วคอแรงๆ ด้วยน้ำเกลือ น้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปาก
2. ให้นวดด้วยนิ้วบริเวณใต้คางหรือมุมขากรรไกรด้านล่างซึ่งจะอยู่ตรงกับบริเวณของต่อมทอนซิลพอดี เป็นการช่วยกระตุ้นให้ก้อนเม็ดข้าวสุกหลุดออกมา
3. ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ช่วย เช่น คอตตอลบัต(Cotton bud) ปลายที่หนีบผม แปรงสีฟันหรือเครื่องมือสำหรับใช้เขี่ยขี้หูออก (ear curette) โดยนำอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งมากดบริเวณต่อมทอนซิลเพื่อให้ก้อนที่ค้างอยู่ในซอกหลุดออก
4. ให้ใช้ที่พ่นน้ำช่วยทำความสะอาดภายในช่องปาก ฟันและลิ้น(water pick) โดยฉีดเข้าในบริเวณต่อมทอนซิลก้อนก็จะหลุดออกได้เช่นเดียวกัน
5. วิธีการนี้ง่ายดายที่สุด ให้ล้างมือให้สะอาดแล้วใช้นิ้วมือช่วงเข้าไปยังภายในช่องปาก จากนั้นกดลงไปบริเวณส่วนล่างของต่อมทอนซิลค่ะ จากนั้นดันขึ้นข้างบนหรืออาจจะใช้ลิ้นช่วยดันอีกแรงก็ได้เพื่อกระตุ้นให้ก้อนหลุดออกมาง่ายและเร็วขึ้น

รักษาด้วยการผ่าตัด ดังนี้

1. รักษาด้วยเลเซอร์
แพทย์จะใช้กรด trichloracetic acid หรือเลเซอร์ (laser tonsillotomy) เพื่อชี้ต่อมทอนซิลให้เปิดขอบร่องต่อมออกกว้าง เป็นการรักษาสิ่งสกปรกที่สะสมได้ทั่วถึงแต่จะใช้ยาชาเพียงเฉพาะจุดเท่านั้น
2. รักษาด้วยการผ่าตัด
หากกรณีแรกรักษาแล้วไม่ได้ผล ต่อมาแพทย์จะวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (Tonsillectomy) ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ทำให้หายขาดได้นั่นเอง

ทราบกันไปแล้วสำหรับโรคนิ่วในต่อมทอนซิลหรือต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังจนส่งผลให้เกิดปัญหากลิ่นปากตามมา สำหรับหลายคนกลิ่นปากนับว่าเป็นปัญหาระดับชาติอันรุนแรง เพราะทำให้เราเสียบุคลิกได้

ใครอยู่ใกล้เป็นต้องพลอยไม่อยากสนทนาด้วย และหลายคนที่พยายามแปรงฟัน บ้วนปากและดูแลรักษาด้วยตัวเองสารพัดแล้ว

หากยังพบว่ากลิ่นปากไม่ได้หมดไป สันนิษฐานได้เลยค่ะว่าคุณอาจจะมีอาการของต่อมทอนซิลอักเสบจนมีเนื้อต่อมที่โตก็เป็นได้ หรือมีก้อนสีขาวเหลืองๆ สะสมอยู่ในปริมาณมากเกินไป

อาการดังกล่าวแม้จะไม่ใช่โรคหรืออาการร้ายแรงที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ทว่าย่อมทำลายบุคลิกเราในระยะยาวได้แน่นอน ดังนั้น ทางที่ดีแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกวิธีมากขึ้นก็ดีเหมือนกันนะคะ