วันนี้จะขอเล่าถึงประเด็นคำว่า “ขอโทษ” หน่อยนะคะ คำนี้เชื่อว่าหญิงสาวส่วนมากหรือผู้ชายปากแข็งจะพูดออกมายากแม้จะรู้ว่าตัวเองผิดก็ตาม ถ้าไม่พยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนความผิด ก็จะทำโมโหใส่โยนความผิดให้อีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

เรื่องที่เกิดต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ตรงของจูนเองค่ะ อยากเอามาแชร์ต่อเพราะพอลองก้าวข้ามทิฐิ ยอมเอ่ยคำว่า “ขอโทษ” จากใจแล้ว มันโคตรมีความสุขเลยค่ะ

เรื่องมันมีอยู่ว่าก่อนเดือนเกิด จูนไปกินข้าวกับเพื่อนชายคนสนิทคนหนึ่ง ระหว่างกินข้าวกันก็เอ่ยชักชวนเขาไว้ล่วงหน้า ถามเขาว่าในวันเกิดเราเขาว่างไหม อยากจะชวนมากินข้าวด้วย แต่เขาดันไม่ว่าง ติดนัดเพื่อนไปต่างจังหวัดไว้ก่อนแล้ว โอเคค่ะ ไม่ว่ากัน แต่ก็บอกเขาว่า หลังวันเกิดจูน เรามากินข้าวกันนะ ซึ่งเขาเอ่ยปากว่า ได้ เขาไม่เทแน่นอน และด้วยความที่ก่อนหน้านี้จูนเจอผู้ชายประเภทนัดแล้วเท นัดแล้วเท เทจนถึงขนาดไปนั่งรอที่ออฟฟิศเขาแล้ว เขายังเทหน้าตาเฉย! จูนหลอนมาก พอฝังใจ เวลานัดไปก็ต้องย้ำคิดย้ำทำ ก็เลยย้ำเขาไปอีกว่า สัญญาก่อนสิ ว่าจะไม่เท เขาก็บอกว่า

“สัญญา ไม่เท”

นอกจากจะหลอนจากเรื่องคนเทนัดแล้ว จูนเป็นคนซีเรียสเรื่องคำพูดค่ะ เพราะตัวเองเป็นคนรักษาคำพูดมาก ทีนี้พอหลังวันเกิดผ่านไปประมาณหนึ่งวีค ก็ไลน์ไปถามเพื่อนชายคนสนิท ว่าวันพุธว่างไหม เขาบอกว่าว่าง โอเคค่ะ ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น ไร้ซึ่งปัญหาใช่ไหมคะ...แต่พอถึงวันนัด จูนไลน์ไปคอนดเฟิร์มกับเขาว่า วันนี้เราเจอกันนะ ปรากฏคำตอบคือ

“ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม เมื่อวานเหนื่อยมาก ช่วงนี้นักเรียนของกำลังสอบกลางภาค ทุกอย่างจะวุ่นวายสุดๆ เปลี่ยนเป็นวันพฤหัสเย็นแทนดีไหม จูนว่างหรือเปล่า”

 

พออ่านแบบนั้น วูบแรกคือโกรธค่ะ ทั้งๆที่เราเคยบอกเขาว่า ถ้าติดอะไรให้บอก ถ้ามีเหตุผลมาให้เราโอเค แต่ครั้งนี้มันโกรธปรี๊ดขึ้นมาเลย จูนโกรธที่เขาไม่ไลน์บอก คือเคืองตรงที่ถ้าไม่ไลน์ถามก็คงเป็นแม่สายบัวรอเก้อใช่ไหม แล้วเรื่องผิดนัดในวันนัด เอาจริงๆหญิงสาวส่วนใหญ่ไม่มีใครโอเคหรอกค่ะ ซึ่งครั้งนี้แม้เขามีเหตุผลมาให้ แต่จูนก็ต่อว่าเขาไปตรงๆเลยว่า ไม่ได้โกรธนะที่ผิดนัด แต่ทำไมรู้ว่ามาไม่ได้แล้วไม่รู้จักไลน์มาบอกก่อน ทำไมต้องรอให้ถาม ซึ่งเขาบอกว่าว่า

“มันยุ่งมากจริงๆยังไม่ว่างเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะวุ่นวายขนาดนี้”


จริงๆก็เข้าใจได้นะคะ แต่ความที่เราจะเอาแต่ใจกับคนที่เรารู้ว่าเราแผลงฤทธิ์ได้ไงคะ ก็เลยงี่เง่าใส่ ไม่ยอม ยังประชดประชัน สุดท้าย เพื่อนชายคนสนิทต้องเอ่ยว่า


“โอเค ผมผิดเองแหละ ผมขอโทษ”
ยังนะคะ เขาขอโทษแล้วยังงี่เง่าไม่เลิก ยังบอกเขาด้วยว่า


“ตั้งแต่นี้ไป ก็นัดมาเองแล้วกัน หรือถ้าไม่ต้องการเจอกันอีกแล้ว อยากจะคุยกันแค่ในไลน์ก็ไม่ว่า โอเคนะ”


เขาอ่านไม่ตอบเลยทีนี้ จากที่พยายามอธิบายเหตุผลมากมายให้เราฟัง เขาเงียบ แล้วคนที่ไม่เคยเงียบ เวลาเขาเงียบมันใจหายนะคะ ผ่านวันนั้นไป ก็ยังคิดค่ะว่า ฉันไม่ผิด ทำไมเธอเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้จักบอก เสียความรู้สึก แต่...ไม่สนิทใจค่ะ ลึกๆ เรารู้ว่า เรา ‘เยอะ’ กับเขามากไป เราควรจะขอโทษที่เราไปเยอะใส่ในวันทำงานที่แสนวุ่นวายของเขา ทีวันที่เรายุ่งมากๆ มากจนไม่ตอบไลน์เขาข้ามชาติเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกด้วยซ้ำว่า ไม่เป็นไร เข้าใจว่าเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างยุ่ง เขาโอเค ลึกๆมันมีคำว่าขอโทษหลอนในหัวนะคะ แต่ทิฐิมันครอบค่ะ เพราะจะเป็นคนเอาแต่ใจมากกับคนที่เรารู้ว่าเขายอมอย่างที่บอก

แต่ท้ายที่สุด กลางดึกคืนหนึ่ง ในวันที่ยุ่งมากๆๆๆตั้งแต่เช้าจนเที่ยงคืนกว่า เขียนงานเสร็จก็เตรียมตัวนอน ตอนเข้านอนอยู่ๆในหัวแว๊บมาเรื่องเพื่อนชายคนนี้ทั้งๆที่ไม่ได้คิดไปเป็นอาทิตย์แล้ว แล้วก็ลองกลับไปอ่านบทสนทนาใหม่ รู้สึกว่า “เราควรขอโทษ” สุดท้ายค่ะ ตัดสินใจลองก้าวข้ามศักดิ์ศรี อีโก้ หรือที่เรียกกันว่า อีโก้=อีโง่ แล้วเอ่ยขอโทษออกมาจากใจในสิ่งที่ตัวเองผิด พิมพ์ไปหาเขาว่าเราขอโทษที่ไม่ฟังเหตุผล ขอโทษที่งี่เง่าใส่ เข้าใจแล้วว่ายุ่งมากเป็นยังไง พอตอนเช้า เขาตอบไลน์มาว่า


“ไม่ต้องขอโทษแล้ว จูนไม่ผิด แต่ขอบคุณมากนะที่เข้าใจผม”

เฮ้ยยยยย มันดีว่ะ รู้สึกโล่ง รู้สึกว่าโลกนี้มันอยู่ง่ายเว้ย มันแค่นี้จริงๆ นะคะ แค่เราเอ่ยคำว่า “ขอโทษ”เวลาที่เราผิด แค่นั้นเอง ความสุขง่ายๆที่สร้างได้แบบไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท

จูนก็แค่อยากแชร์และอยากชวนว่า ถ้าตอนนี้ใครที่เป็นเหมือนจูน ลองก้าวข้ามความเป็นตัวเองแล้วใช้ชีวิตตามความเป็นจริง อย่าคิดว่าเราเป็นศุนย์กลางจักรวาลของโลก ผิดก็ยอมรับแล้วขอโทษ มันจบ มันไม่อึดอัด โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะจริงๆนะ อยากให้ลองดูค่ะ:)

ที่มา : http://women.sanook.com/63583/