ไม่ใช่ไสยศาสตร์ ไม่ได้ใช้เวทมนตร์ แต่มันมีจริงๆ ก้อนหินก้อนเล็กๆสีดำน้ำคาลเรียงตัวชัดในถุงน้ำดี โชว์ขึ้นในแผ่นฟิล์มอัลตราซาวน์ !! ณ วินาทีนี้ ขอวิทยาศาสตร์เพียวๆ การแพทย์แท้ๆ ก็ต้องบอกว่า “นี่เขาเรียกว่านิ่วค่ะคุณ เป็นนิ่วในถุงน้ำดี !!”

 

มาได้ยังไงล่ะนั่น?

แน่ๆว่าไม่ได้เกิดจากใครเล่นของเสกเช้าท้องแน่นอน แต่มันเกิดจากตัวเรานี่ล่ะ ขอชีววิทยาแบบง่ายๆ หน่อยว่าเวลาที่เรากินของมันๆเข้าไป ตับก็จะสร้างน้ำดีมาเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี เอาไว้ย่อยพวกมันๆทั้งหลาย ซึ่งในน้ำดีเนี่ยก็จะมีไขมัน มีคลอเลสเตอรอล มีเกลือ มีน้ำ เวลาที่น้ำน้อยก็เหลือแต่คลอเลสเตอรอล หรือเกลือกลายเป็นก้อนแข็งๆเหมือนหินน้ำตกก้อนเล็กๆ นั่ล่ะก้อนนิ่วล่ะ และจะรู้ว่าเป็นได้ก็จากการตรวจอัลตร้าซาวนด์

นิ่วๆ ใครๆก็เป็นได้

ใช่ แต่คนที่มีโอกาสเป็นมากๆ ก็จะเป็น คนอ้วน คนที่กินยาคุม คนที่ลดความอ้วนแบบเร็วๆ ร่างกายต้องย่อยไขมันเยอะๆ และที่แย่ที่สุด..ผู้หญิงเป็นได้มากกว่าผู้ชายด้วยน่ะสิ!!

3 คำถามเรื่องนิ่วๆ แบบชิลล์ๆ

Q : ท้องอืด อาหารไม่ย่อย เจ็บท้องบ่อยๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีด้วยไหมคะ?

อาการที่ว่าอาจจะไม่ใช่นิ่วในถุงน้ำดีก็ได้ เพราะอาจจะเป็นอาการของกระเพาะหรือลำไส้ก็ได้ และบางทีคนที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ก็ไม่มีอาการเลย หรืออาจจะมีอาการแบบเรื้อรัง เช่น ท้องอืด แน่นท้องหลังกินอาหาร โดยเฉพาะหลังกินอาหารมันๆ อาหารไม่ย่อย เรอเปรี้ยว เจ็บท้องตรงลิ้นปี่และใต้ชายโครงขวา

 

Q : เพิ่งตรวจเจอค่ะ หมอบอกว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี อย่างนี้ต้องผ่าไหมคะ ไม่อยากผ่าเลยค่ะ ต้องเจ็บมากแน่ๆ ?

นิ่วในถุงน้ำดี ไม่ค่อยเวิร์คถ้าจะรักษาโดยใช้เครื่องสลายนิ่ว การผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณไม่มีอาการอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากๆจะอุดตันและอักเสบ จะ ปวดบิดมากมาย ปวดร้าวไปถึงสะบักขวา ไข้สูงมาก ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม ต้องรีบหาหมอ อาจต้องผ่าตัดด่วน และถ้าถึงขนาดถุงน้ำดีแตกก็ต้องผ่าแบบเปิดหน้าท้องเท่านั้น ซึ่งถ้าผ่านตอนที่ยังไม่แตก หรืออักเสบเกินไป ก็จะผ่าแบบโดยใช้กล้องส่องได้ เจาะแค่ 4 รูเล็กที่หน้าท้องแค่นั้น เจ็บน้อยกว่า หายเร็วกว่า แต่ก็ราคาแพงกว่า

 

Q : หนูอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ คงยังไม่เป็นมั้งคะ?

เมื่อก่อนตามตำรา คุณหมอจะบอกว่าต้องอายุ 60 ขึ้นไป!! ไม่ใช่ซะแล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เรากินของมันๆ กินเค้ก กินขนมๆ ของหนักๆทุกวัน ไม่ต้องรอถึงวันเกษียณก็เป็นได้แล้ว แต่น้องอายุยังน้อย มีเวลาดูแลตัวเองไม่ให้เป็นได้ กินข้าวกล้อง กินผัก กินอาหารที่มีเส้นใยเยอะ ๆ ดื่มน้ำบ่อยๆ วันละ 10-12 แก้ว ออกกำลัง กินของมัน ของหวานแต่พอประมาณ ช่วยได้จ้ะ!

ที่มา : http://www.cleothailand.com/health/71693