3 โรคเงียบ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง จนอาจตั้งตัวไม่ทัน

ปัญหา “โรคเงียบ ภายในร่างกาย” เป็นโรคใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับ “ผู้หญิง” ทุกคนโดยไม่มีสาเหตุ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง แต่จะมีสัญญาณเตือนก็ต่อเมื่ออาการเป็นหนักมากแล้ว

 

1.อันดับแรกคือ “เนื้องอกในมดลูก”

เป็นโรคที่เกิดในกล้ามเนื้อมดลูก การโตของเนื้องอกอาจโตในโพรงมดลูกหรือโตเป็นก้อนนูนจากมดลูก พบบ่อยในผู้หญิงอายุระหว่าง 30-40 ปี ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ ผู้หญิงใน 10 คน มักตรวจพบเนื้องอกมดลูกได้ 3-4 คน ส่วนมากมักจะตรวจเจอโดยบังเอิญ และมีถึง 30 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องรับการรักษา อาการที่มาพบแพทย์มักมาด้วยอาการปวดท้องประจำเดือน หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ อาจมีอาการปวดหลังหรือปัสสาวะถี่ร่วมด้วย ผู้ที่ควรต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอก

 

โดยมีอาการบ่งชี้ดังนี้

1.เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด เช่น ประจำเดือนมามากหรือมากะปริบกะปรอย

2.มีอาการปวดท้องมาก

3.เนื้องอกไปกดทับอวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย

4. ตรวจพบเนื้องอกโตเร็วที่ไม่เคยเจอมาก่อน หรือว่าเคยเจอมาก่อนขนาด 1 ซม. พอติดตามอาการสักประมาณ 3-4 เดือน ขนาดของเนื้องอกกลับโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

5.เนื้องอกที่สงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง

 

โรคนี้รักษาด้วยการผ่าตัดที่มีความยากขึ้นอยู่กับ ขนาด จำนวนและตำแหน่ง แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่คือ “การผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง (Advanced Minimal Invasive Surgery)” ทำให้ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ที่หน้าท้อง ไม่ว่าเนื้องอกจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็สามารถผ่าตัดส่องกล้องได้ และเพื่อความปลอดภัย ปัจจุบันมีการนำเอา “เนื้องอก” ออกด้วยการใส่ถุงปั่นให้มีขนาดเล็กก่อนแล้วค่อยๆ ดึงออกมา เพื่อมั่นใจว่าถ้าเป็นเนื้อร้ายจะได้ไม่มีการแพร่กระจายของเนื้องอก ซึ่งแผลผ่าตัดที่บริเวณหน้าท้องมีขนาดเล็กมากเพียง 5 – 10 มิลลิเมตร

 

2.อันดับสอง “โรคซีสต์รังไข่”

รังไข่เป็นอวัยวะขนาดเล็กที่อยู่บริเวณด้านข้างปีกมดลูกทั้ง 2 ข้าง ทำหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนต่างๆ ของผู้หญิงให้สมดุล ในทุกๆ เดือนรังไข่จะผลิตไข่ใบเล็กๆ ออกมา โดยไข่จะเคลื่อนจากด้านล่างผ่านท่อนำไข่ เพื่อเตรียมพร้อมผสมกับอสุจิของเพศชาย

 

ส่วนซีสต์มีลักษณะเป็นถุงที่เต็มไปด้วยของเหลวที่สามารถก่อตัวขึ้นได้ในรังไข่ เมื่อเกิดการตกไข่ผิดปกติ จึงทำให้เกิดการคั่งของถุงน้ำในรังไข่ เกิดไข่ไม่ตก เกิดเป็นถุงน้ำขนาดเล็กในรังไข่มีการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ

“ซีสต์ในรังไข่” หลักๆ มี 2 ชนิด คือ ซีสต์ที่สามารถหายเองได้ กับซีสต์ที่ไม่สามารถหายได้เอง ซึ่งซีสต์ที่หายเองได้ คือซีสต์ที่เกิดขึ้นได้จากฮอร์โมนของผู้หญิงในทุกๆ รอบเดือน และเป็นซีสต์ที่พบได้บ่อยที่สุด ส่วนซีสต์ที่หายเองไม่ได้ และต้องได้รับการผ่าตัด เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ เดอร์มอยด์ซีสต์ และอื่นๆ มีทั้งกลุ่มมะเร็ง และไม่ใช่มะเร็ง เป็นต้น

ซีสต์ในรังไข่ที่น่ากลัวคือ “มะเร็ง” เพราะไม่สามารถวินิจฉัยด้วยเพียงแค่การตรวจอัลตร้าซาวด์(ultrasound) การยืนยันการวินิจฉัยโรคเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง คือต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้องเท่านั้น

สำหรับ “ช็อกโกแลตซีสต์” เป็นซีสต์ที่มีอาการ เช่น ปวดท้องช่วงมีประจำเดือนแบบมากกว่าปกติ  ส่วนซีสต์อื่นๆ มักไม่มีอาการ โดยเฉพาะ “มะเร็ง”  80% มักไม่มีอาการ แต่คนไข้มักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการท้องบวมอย่างเห็นได้ชัด ท้องอืด แน่นท้อง น้ำหนักไม่ค่อยลง

สำหรับอาการปวดท้องน้อยเฉียบพลันนั้น อาจเกิดจากซีสต์รั่วหรือบีบขั้ว ทำให้เกิดอาการปวด บางคนโชคร้ายซีสต์ที่เป็นมะเร็งแตก ส่งผลให้มะเร็งแพร่กระจายลามไปทั่วอวัยวะอื่นๆ ต้องตัดรังไข่ออก หลังผ่าตัดต้องรับการบำบัดด้วยคีโมต่อ หรือบางคนเป็น “ซีสต์แบบบีบขั้ว” ก็ต้องตัดรังไข่ออกเช่นกัน เพราะเนื้อตายเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่ได้ บางคนไม่อยากมีลูกแล้วและไม่อยากกลับมาเป็นซีสต์อีกก็ตัดรังไข่ออก หรือเข้าสู่วัยทองแล้วก็สามารถตัดออกได้

 

 

3.อันดับสามคือ “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่”

เป็นโรคที่ผู้หญิงวัยมีประจำเดือนไม่ควรมองข้าม เพราะหากมีอาการปวดประจำเดือนมากๆ ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีเลือดคั่งในมดลูก หากใครมีอาการดังกล่าวอย่าละเลยควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา

การตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจภายในมีความสำคัญกับผู้หญิงทุกๆ คน ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ไม่ต้องพักฟื้นนาน ดีกว่ารอให้เกิดอาการก่อนแล้วค่อยมาพบแพทย์

 

ขอบคุณที่มาจาก : goodlife