เคล็ดลับง่าย ๆ ในการลดแคลอรีส่วนเกิน ที่คุณคาดไม่ถึง

     คุณไม่จำเป็นต้อง ลดแคลอรี ทีเดียวมาก ๆ ถ้าคุณเคยกินอาหาร วันละ 3,000 แคลอรี คุณอาจจะค้านว่าไม่เคยกินถึง แต่เชื่อไหมว่า ? ถ้าคุณลองจดละเอียดถี่ยิบทุกสิ่งที่คุณส่งเข้าปาก รวมทั้งระบุปริมาณ คุณจะแปลกใจตัวเองว่ากินเข้าไปได้อย่างไร เพียงแต่คุณลดแคลอรีลง วันละ 500 แคลอรีทุก ๆ วัน คุณจะมีโอกาสอายุยืนได้ถึง 90 ปี หรือมากกว่านั้น และเพื่อที่จะให้ได้ประโยชน์เต็มที่ จากการจำกัดแคลอรีส่วนเกิน โดยไม่ทำให้รู้สึกหมดความสุขในการกิน และลดอันตรายที่ร่างกายจะได้รับ คุณต้องดูแลน้ำหนักตัวควบคู่ไปด้วยกัน ประคับประคองน้ำหนักตัวให้เหมาะสมไปตลอด พยายามไม่ให้อ้วนเกินไป หรือผอมเกินไป

คนที่มีรูปร่างอ้วนอยู่แล้วอาจหัวเราะ คิดว่าสงสัยต้องตายแล้วเกิดใหม่ แต่ถ้าคุณเริ่มเปลี่ยนการกินเดี๋ยวนี้ ขอย้ำว่า “เดี๋ยวนี้ !” ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง คุณจะค่อย ๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

 

 

1.ลดแคลอรีจากไขมันฟุ่มเฟือย

อาหารคนรวยแคลอรีไปกินที่ไหน ก็หนีไม่พ้น เช่น อาหารทอด อาหารสะดวกกิน สะดวกซื้อที่มีไขมันไม่ดีสูง และอาหารฟาสต์ฟู้ด

2.จำกัดอาหารที่มีน้ำตาลมาก

พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ลดปริมาณน้ำอัดลม และขนมต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบของน้ำเชื่อมเป็นจำนวนมาก

3.ใช้เครื่องเทศสมุนไพรมากขึ้นในการปรุงรส

ตัวอย่างเช่น อบเชย วานิลลา มินต์ โป๊ยกั๊ก ซึ่งให้รสหวานอ่อน ๆ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือแคลอรี ประเทศไทยเรามีสมุนไพรมากมาย ที่จะนำมาใช้ได้ในการเสริมสุขภาพ และชะลอความแก่

4.เลือกธัญพืชไม่ขัดสี

โดยการเพิ่มอาหาร ที่มีสารอาหารสูงแต่มีแคลอรีน้อยที่สุด ผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะกินธัญพืชขัดสีมากเกินควร ทำให้อ้วน ในทางตรงข้ามธัญพืชไม่ขัดสี จะทำให้อิ่มง่าย เท่ากับว่าได้รับแคลอรีลดลง และรู้สึกพอใจ กับปริมาณที่กิน

5.ลดเนื้อ กินถั่วเมล็ดแห้ง

ซึ่งมีโปรตีนสูง แทนเนื้อสัตว์หลายครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยลดแคลอรี ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่ม สารอาหารได้อย่างมาก

 

-สารไฟโตสเตอรอลในถั่ว จะช่วยป้องกัน และชะลอโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ถั่วเหลืองมีสารไฟโตเอสโทรเจน เช่น เดดซีน และเจนนิสทีน ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม และลดอาการวัยทอง

-สารซาโปนิน เป็นสารพฤกษเคมีอีกชนิดหนึ่งในถั่ว ซึ่งรบกวนการทำงานของดีเอ็นเอ จึงอาจป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้สารซาโปนินยังอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล จึงมีส่วนช่วบลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

 

ขอบคุณที่มาจาก : goodlife