5 ความเชื่อผิดๆ ในการทำงาน ที่ทำให้คุณไม่มีความสุขกับการทำงาน

มาดู 5 ความเชื่อผิดๆ ในการทำงาน ที่กลายเป็นปัญหาสำหรับคนทำงานหลายๆ คน โดยแต่ละออฟฟิศ แต่ละองค์กร ต่างก็มีวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกัน ก่อนตัดสินใจเข้าทำงาน อย่าลืมศึกษาวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละที่ให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

 

 

1.  กลับบ้านตรงเวลา

หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์การถูกเพื่อร่วมงานมองแปลกๆ เวลาที่กลับบ้านตรงเวลา หรืออาจโดนเห็บแนม กระแซะเสียดสี ว่าเป็นคนไม่ทุ่มเทกับการทำงานบ้างล่ะ รีบกลับบ้านบ้างล่ะ ซึ่งที่จริงแล้ว คนที่สามารถเลิกงานและกลับบ้านตรงเวลาได้นั้น อาจเป็นคนที่สามารถบริหารจัดการการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม จนสามารถเลิกงานกลับบ้านตรงเวลาได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานเกินเวลา ไม่จำเป็นต้องทำโอที ไม่จำเป็นต้องนำเวลาส่วนตัวนอกเวลางานมาทำงานต่อ และไม่จำเป็นต้องขนงานกลับไปทำต่อที่บ้าน

ยกเว้นเสียว่า ภาระหน้าที่ของคุณยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หากคุณกลับบ้านในเวลานี้ก็จะทำให้งานนั้นหยุดชะงัก ไม่สำเร็จราบรื่น คุณก็ควรที่จะรับผิดชอบต่อหน้าของตนเอง ด้วยการทำงานของคุณให้เสร็จ บางกรณี ที่ทำงานของคุณอาจมีงานเร่งด่วนที่ต้องขอความร่วมมือจากทุกคน หรือมีงานสำคัญที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกคน ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณก็ควรแสดงสปิริต และ เสียสละเวลาส่วนตัวของตนเองบ้าง ตามที่เห็นสมควร

 

2.  ไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน

หลายคนอาจบอกว่า การไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานเป็นเหมือนภาษีสังคม ที่ทุกคนควรต้องจ่าย หากไม่ไปก็จะไม่มีสังคม ไม่สนิทกับคนในที่ทำงาน ไม่มีเพื่อน ไม่ได้รับการอุปถัมภ์ สนับสนุน หรือแสดงถึงความไม่เป็นมิตร ฯลฯ ที่จริงแล้ว เมื่อถึงเวลาหลังเลิกงาน ช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นเวลาส่วนตัวของคุณ คุณสามารถที่จะเลือกใช้เวลาอันมีค่านั้นไปกับกิจกรรมที่คุณต้องการได้อย่างเต็มที่ เวลางานก็ส่วนเวลางาน เวลาส่วนตัวก็ส่วนตัว ไม่นำมาก้าวก่าย ยุ่งเกี่ยวกัน คุณจึงสามารถที่จะ “ไม่ไป” สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานนอกเวลางานได้  แต่ก็ต้องดูวัฒนธรรมองค์กรของคุณด้วยเช่นกัน ว่าวัฒนธรรมขององค์กรคุณเป็นเช่นไร หากคุณไม่ไปจะมีผลเป็นอย่างไร ถ้าหากคุณไป จะส่งผลดีต่อตัวคุณอย่างไรบ้าง ลองชั่งน้ำหนักดูผลได้ ผลเสีย และลองถามใจของตัวคุณเองดูว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ แล้วเลือกทำตามเส้นทางที่คุณคิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวคุณเลยค่ะ

 

3.  ใช้สิทธิวันลาครบตามที่กำหนด

     บางคนอาจเคยถูกตำหนิว่า “ใช้วันลามากเกินไป” ซึ่งที่จริงแล้ว คนแต่คนมีสิทธิในการลา ซึ่งสิทธิในการลานี้ หมายความว่า คุณสามารถที่จะลาได้ตามจำนวนวัน และ เงื่อนไขที่กำหนด หากคุณลาได้ถูกต้อง ตรงตามวัน เวลา และเงื่อนไขนั้น ก็ถือว่าคุณใช้สิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด

การใช้วันลาครบตามที่สิทธิวันลาที่มีอยู่ จึงเป็นการใช้สิทธิของตนเองอย่างครบถ้วนและคุ้มค่า และถือว่าไม่มีความผิดทางกฎหมายแต่อย่างใด แต่ท้ายที่สุด ก็ต้องอย่าลืมดูสังคมภายในที่ทำงาน และวัฒนธรรมในองค์กรอีกเช่นกัน ว่าที่ทำงานของคุณมีทัศนคติต่อการใช้สิทธิวันลาเป็นอย่างไร แม้ว่าคุณจะมีสิทธิวันลามากมาย แต่ในทางปฏิบัติ คุณสามารถใช้สิทธิวันลานั้นได้ครบเต็มจำนวนจริงๆ โดยไม่มีปัญหาอื่นๆ ตามมาจริงๆ หรือไม่ และคุณสามารถยอมรับกับเงื่อนไขเหล่านี้ได้หรือไม่

 

 

4.  ใช้สวัสดิการอย่างคุ้มค่า

เช่นเดียวกับกรณีของการใช้สิทธิวันลา คุณมีสิทธิที่จะใช้สวัสดิการของคุณได้อย่างเต็มที่เท่าที่คุณจะพึงมี เช่น คุณมีสิทธิที่จะใช้พื้นที่ส่วนกลางของออฟฟิศเช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ คุณมีสิทธิที่เบิกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามที่ที่ทำงานกำหนด และตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น

การใช้สวัสดิการของตนเองอย่างคุ้มค่า ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้แต่อย่างใด แต่คุณกำลังใช้สิทธิที่คุณพึงมีอยู่อย่างถูกต้องต่างหาก

 

 5.  แสดงความคิดเห็นแย้งกับหัวหน้า

บางคนอาจไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม หรือ แสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับหัวหน้า หรือ ผู้หลักผู้ใหญ่ เพราะกลัวว่าจะทำให้ตนเองดูไม่ดี ขึ้นอยู่กับสังคมการทำงาน และวัฒนธรรมองค์กรของคุณด้วย ว่าเปิดกว้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากคุณมากน้อยเพียงใด สถานการณ์ไหนที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ สถานการณ์ไหนที่ไม่สามารถพูดอะไรได้

หากคุณมีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ มีเหตุมีผล สร้างสรรค์ และถูกกาละเทศะ ก้จะก่อให้เกิดผลดี ทั้งต่อตัวคุณ และต่อองค์กรของคุณได้ค่ะ

 

ขอบคุณที่มาจาก : goodlife