5 เคล็ดลับการแต่งหน้าสำหรับวัยรุ่น จะไม่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย

สำหรับวัยรุ่นทั้งหลายที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยสาว หรือเป็นสาวแล้วแต่ไม่อยากที่จะแก่เกินอายุก่อนวัยอันควร ควรมาฟังทางนี้นะคะเพราะบางทีเราตามกระแสบล็อกเกอร์มากเกินวัยรุ่นทั้งหลายก็อยากแต่งแบบจัดเต็มกันมากเกินไปไม่สมวัยเลยบางลุคมันทำให้สาวๆ วัยใสๆดูเหมือนผู้หญิงวัยทำงาน30ต้นๆก็มี และวันนี้จะมาแนะนำสาวๆ วัยใส หรือใครที่อยากดูเด็กตลอดกาลต้องรู้ค่ะ

 

1.ใช้สกินแคร์ก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง

 

 

ถึงหน้าสาวๆ วัยใสจะยังไม่มีปัญหาแต่การที่คุณแต่งหน้าโดยไม่ได้บำรุ่งอะไรก่อน เครื่องสำอางบางอย่างอาจจะทำลายผิวหน้าของคุณอยู่ก็ได้ อย่าลืมนะคะเครื่องสำอางทำให้คุณหน้าสวยขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้หน้าเราดีขึ้นนะคะ  น้อยที่สุดก็ควรทากันแดดก่อนแต่งหน้านะคะ

 

2.ไม่ควรใช้รองพื้นหนาๆ

 

 

เมื่อพูดถึงการแต่งหน้าแบบวัยรุ่นแต่งน้อยๆ จะดูเหมาะสมกว่านะคะ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงการลงรองพื้นทางที่ดีไม่ควรใช้รองพื้นเลยดีกว่า เพราะการที่สาวๆ ใส่รองพื้นหนาๆ มันทำให้หน้าเราดูแก่ที่จะต้องปกปิดรอยชีวิตที่ผ่านมาแสนนานด้วยรองพื้นแต่สำหรับวัยรุ่นไม่ใช่ ควรใช้ BB CC ก็พอค่ะ

 

3.เฉดดิ้งหน้าให้น้อยหน่อย

 

 

อย่างที่บอกต้องแต่งน้อยๆเข้าไว้ อย่าทำอะไรเกินงามเพราะเดียวหน้าสาวๆ จะเกินอายุได้ การที่สาวๆ เฉดดิ้งหนักๆ อาจจะทำให้หน้าของสาวๆ ดูแล้วมีโหนกนูดขึ้น แต่ไม่ใช่วัยสาวที่หน้าของเราจะดูอิ่มเอิบมีน้ำมีนวลกว่า ลองมองไปที่เด็กอายุ 15-16 ดูสิค่ะว่าหน้าเด็กพวกนั้นอิ่มเอมแค่ไหน

 

4.ใช้ลิปสติกเนื้อมันวาว

 

 

ลิปคือสิ่งที่ทำลายความใสความสวยที่มีได้เช่นกัน เดียวนี้ใครๆ ก็ชอบทาลิปสีเข้มหรือทาลิปสติกเนื้อแมตต์ที่แน่นติดทนกัน แต่หารู้ไม่วัยรุ่นทั้งกำลังทำใหหน้าของเราดูเป็นสาวมากเกินไปดูไม่ใสและไม่สดด้วย ฉะนั้นเลือกใช้ลิปสติกสีสดใสดีกว่า และควรใช้เป็นลิปเนื้อมันวาวเช่น กลอส บาล์มมีสี เป็นต้น

 

5.งดใช้สีเข้มแต่งตาเป็นอันขาด

 

 

บอกแล้วนะคะว่าอย่าแต่งหน้าตามบล็อกเกอร์มากเกินไป เพราะพวกนั้นอยู่ในวัยทำงานแล้ว สำหรับสาววัยใสควรที่จะแต่งเบาๆ ใช้โทนสีอ่อน หรือไม่ใช้เลยก็ยังได้ แค่ดัดและปัดมาสคาร่าเบาๆ ก็พอ เพียงแค่นั้นคุณก็จะดูสวยสมวัยที่เป็นอยู่แล้วค่ะ

 

      แต่งหน้าวัยรุ่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความสดและความใส ช่วยให้วัยรุ่นทั้งหลายไม่ดูแก่เกินอายุและสามาถรรับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับวัย และอย่างให้สาวๆ เน้นความสำคัญของสุขภาพผิว และพื้นฐานการดูแลผิวมากกว่าค่ะ

 

 

ขอบคุณที่มาจาก : ladyissue