แม้ว่าการช้อปปิ้งจะทำให้เรามีความสุขเวลาได้จับ ได้ใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ

แต่ถ้าใครถึงขั้นที่ซื้อซ้ำแล้วจำไม่ได้ ซื้อมาแต่ไม่ได้ใช้อาจจะต้องกลับรีเช็คแล้วว่าเรากำลังเป็น “Shopaholic” โรคคลั่งช้อปที่ใครก็เป็นได้

 

 

ซื้อมาแต่ไม่เคยใช้

ข้อนี้ไม่รวมของที่เราได้ฟรีมาจากคนอื่นนะคะ พูดถึงของที่เราสั่งๆ มาเพื่อตัวเอง แต่ว่าไม่ยอมเอามาใช้ อาจจะกลัวเก่าหรือซื้อมาด้วยความสบายใจจนบางครั้งสาวๆ คงลืมไปแล้วมั้งคะ ว่าเคยซื้อมา 555555 เช่น รองเท้าในกล่องที่เราแอบเอาไว้ในตู้ เสื้อบางตัวในตู้ที่ซื้อมาแต่ป้ายราคายังไม่เอาออก!!!

 

ซื้อง่าย ซื้อเร็ว

ถ้าใครเป็นคนที่ซื้อง่ายซื้อคล่องนึกจะเอาก็จ่ายเลย ยิ่งกับของที่เราไม่ค่อยได้ใช้เนี่ย บอกเลยเสี่่ยงการเป็นโรคคลั่งช้อปมาก เพราะต่อให้แค่เห็นว่าออกใหม่ก็ซื้อเลย แม้ว่าจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบหรืออยากได้จริงๆ เนี่ยในสายตาคนนอกเค้าก็มองว่าเราซื้อทุกอย่างๆ ไร้เหตุผลจริงๆ นะจ๊ะ ถ้าครั้งสองครั้งอาจไม่เป็นไร แต่บ่อยๆ เข้าก็คือพิจารณาตัวด่วน

 

 

ซื้อระบายอารมณ์

อารมณ์เสีย อารมณ์ไม่ดีก็กดเข้าแอพไอจีไถดูพกร้านค้าปุ๊บ เท่ากับเราตกหลุมเป็นโรคคลั่งช้อปเอาแล้วนะคะ!!! แถมยิ่งอารมณเสียบ่อยเนี่ย ก็ยิ่งต้องเสียเงินเยอะ เพราะการซื้ออย่างบ้าคลั่งก็จะมีหนี้ที่เยอะอย่างบ้าคลั่งตามเหมือนกัน 

 

สำนึกผิดหลังซื้อเสร็จ

ซื้อเยอะซื้อแยะก็ใช่ว่าเราจะรู้สึกดีเสมอไปเนอะ เพราะก็มีโหมดเซ็ง เสียดายเงินอยู่เหมือนกัน แหมพูดแล้วก็อย่าเพิ่งคิดว่าเราเป็นไบโพล่าล่ะ ตอนแรกที่เราคิดจะซื้ออาจไม่มีสตินึกคิดมากพอ และหลังจ่ายเสร็จก็มานั่งรู้สึกผิดทีหลัง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะหยุดช้อปกันนะคะ

 

แอบซื้อมาใช้

ข้อสุดท้ายใครที่เวลาซื้อของมาต้องแอบๆ กลัวที่บ้าน หรือเพื่อนที่ทำงานจับได้เนี่ย รู้เลยนะคะว่าเป็นนักช้อป เพราะต้องเคยถูกบ่นจากคนรอบข้างมาเยอะพอตัว เลยทำให้เวลาเราซื้อของครั้งต่อไป มักจะถูกแซว บ่นว่าอยู่เสมอ แต่เราจะบอกถ้าเค้าเตือนเค้าบ่นเราเนี่ยคือดีนะคะ แสดงว่าเค้าหวังดีกับเราจริงๆ 

 

สาวคนไหนที่มีครบทุกข้อที่เราบอกมา แสดงว่าเข้าข่ายเสพติดการช้อปแล้วแน่นอน แต่ก็อย่าเพิ่งเครียดไปค่ะ ทุกอย่างมีทางแก้เสมอ โดยเริ่มจากตัดขาดช่องทางการช้อปปิ้งของเราก่อน รวมถึงเปลี่ยนมาใช้เงินสดแทนการใช้บัตรเครดิตก็มีส่วนช่วยได้เยอะเลย