คีลส์แนะนำดอกคาเลนดูลา (Calendula Petal) ให้ลูกค้าของแบรนด์ได้รู้จักในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ด้วยการวางจำหน่าย Calendula Herbal Extract Toner ซึ่งปัจจุบันเป็นโทนเนอร์ขายดีอันดับ 1 ของคีลส์ทั่วโลก ตั้งแต่นั้น คีลส์ก็ใช้ประโยชน์จากดอกคาเลนดูลาซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าทรงประสิทธิภาพเรื่อยมา จนกระทั่งเปิดตัว Calendula Deep Cleansing Foaming Face Wash ในปี 2014 และ Calendula & Aloe Soothing Hydrating Mask ในปี 2017 วันนี้ คีลส์ยินดีต้อนรับ Calendula Serum-Infused Water Cream สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูล Calendula
ทันทีที่ลูบไล้ลงบนผิว สูตรผสมในเนื้อที่เบาหวิวของวอเตอร์ครีมจะปล่อยความชุ่มชื้นสู่ผิว เสมือนเติมน้ำให้ผิวอย่างต่อเนื่อง พร้อมปลอบประโลมผิว ให้ผิวรู้สึกนุ่มและแลดูสดชื่นดุจชุ่มด้วยหยาดน้ำค้าง ผลิตภัณฑ์สูตรนี้ช่วยปลอบประโลมผิวและมอบความรู้สึกสบายผิว และยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้ปราการคุ้มกันผิว โดยช่วยลดเลือนสัญญาณแรกของความร่วงโรยที่เกิดขึ้นเมื่อปราการคุ้มกันผิวถูกทำให้อ่อนแอลงจากปัจจัยก่อความระคายเคืองในสิ่งแวดล้อม เมื่อใช้ต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์สูตรนี้ยังช่วยลดรอยแดงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
“เพราะทราบดีว่าลูกค้าของเราชื่นชอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Calendula คีลส์จึงกำหนดสูตรวอเตอร์ครีมที่ประกอบด้วยส่วนผสมอันเป็นสัญลักษณ์ของคีลส์ชนิดนี้ขึ้นมา แล้วยกระดับด้วยการผสาน Calendula serum ลงไป เพื่อมอบประสิทธิภาพของกลีบดอกคาเลนดูลาในเนื้อสัมผัสใหม่” โรเบอร์ตา ไวส์ หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของคีลส์ กล่าว“วอเตอร์ครีมสูตรนี้กำหนดสูตรขึ้นด้วยเทคนิคเฉพาะของคีลส์ โดยใช้สารสกัดจากดอกคาเลนดูลา(Calendula Flower Extract) ที่มีความเข้มข้นสูงสุดเท่าที่คีลส์เคยใช้มา เพื่อช่วยปลอบประโลมและคืนความสดชื่นให้ผิวพร้อมมอบความเปล่งปลั่งที่มองเห็นได้”
โครงสร้างที่มีลักษณะเฉพาะของสูตรผสานเซรั่ม
คาเลนดูลามีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติปลอบประโลมผิว และเป็นสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงทั้งในทางการแพทย์อายุรเวทและแพทย์แผนจีนโบราณมานานหลายร้อยปี โครงสร้างที่มีลักษณะเฉพาะของสูตรผสมนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “บรรจุ” ส่วนผสมของคาเลนดูลาเซรั่มเข้มข้นไว้ในวัฏภาคน้ำ (water phase) เมื่อลูบไล้ลงบนผิว เซรั่มอินฟิวชั่น (serum infusion) นี้จะเปลี่ยนรูปและนำส่งกลีบดอกคาเลนดูลาบดละเอียด (micronized Calendula Petals) หลายร้อยกลีบและสารสกัดคาเลนดูลา (Calendula Extract) เข้าสู่ผิวโดยตรง
กลีบดอกคาเลนดูลาบดละเอียด
ก่อนที่กลีบดอกคาเลนดูลาทั้งหมดจะถูกเพิ่มลงในสูตรผสมเพื่อแปรสภาพ จะถูก “แช่น้ำ” ที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลาสิบนาที เพื่อให้องค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติปลอบประโลมผิวของกลีบถูกปล่อยออกมามากที่สุด หลังจากนั้นกลีบคาเลนดูลาทั้งหมดจะถูกใส่ลงในสูตรเพื่อผสม ในขั้นตอนการผสมนี้ กลีบดอกจะถูกบดละเอียดเป็นกลีบขนาดจิ๋วหลายร้อยกลีบ ซึ่งมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น
นอกจากจะได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของคาเลนดูลาและเลือกที่จะกำหนดสูตรด้วยส่วนผสมชนิดนี้แล้ว คีลส์ยังทำการศึกษาและช่วยพิสูจน์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลังดอกคาเลนดูลาเพื่อยืนยันความถูกต้องของคุณสมบัติอันทรงประสิทธิภาพของดอกไม้ชนิดนี้อีกด้วย คีลส์ตรวจพบการมีอยู่ขององค์ประกอบพืช (phyto-component) สำคัญ 5 ชนิดที่ช่วยบรรเทาความระคายเคืองในกลีบดอกคาเลนดูลา ได้แก่
- สารประกอบชนิดที่ 1 เควอเซติน (Quercetin) ร้อยละ 74
- สารประกอบชนิดที่ 2 และ 3 อัลฟา-อะมัยริน (α-amyrin) และเบต้า-อะมัยริน (β-amyrin) ร้อยละ 13
- สารประกอบชนิดที่ 4 โอลีแอโนลิก แอซิด (Oleanolic Acid) ร้อยละ 8
- สารประกอบชนิดที่ 5 ลูพีออล (Lupeol) ร้อยละ 5
- แผนภูมิรูปวงกลม” ของดอกคาเลนดูลา แสดงให้เห็นสัดส่วนขององค์ประกอบพืช 5 ชนิดที่มีอยู่ในกลีบดอกคาเลนดูลา ข้อมูลอ้างอิงผลเฉลี่ยของตัวอย่างกลีบดอกคาเลนดูลา 3 กลีบจากการศึกษาโดยการวัดปริมาณที่ดำเนินการกับสูตรผสมนี้
คีลส์ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์สูตรนี้ และพบว่า Calendula Serum-Infused Water Cream มีคุณประโยชน์หลายประการ
ผลทดสอบทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าวอเตอร์ครีมสูตรผสานเซรั่มนี้:
- ฟื้นบำรุงสภาพริ้วรอยตื้น ๆ จากการขาดน้ำ
- ทำให้เนื้อผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น
- เสริมความเปล่งปลั่งและอ่อนนุ่มของผิว
ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
- ร้อยละ 98 ของผู้เข้าร่วมการทดสอบคิดว่าความรู้สึกไม่สบายผิวลดลง
- ร้อยละ 98 ของผู้เข้าร่วมการทดสอบรู้สึกว่ารอยแดงของผิวแลดูลดเลือนลง
- ร้อยละ 96 ของผู้เข้าร่วมการทดสอบคิดว่าโทนสีผิวแลดูสม่ำเสมอขึ้น
- ร้อยละ 96 ของผู้เข้าร่วมการทดสอบคิดว่าผิวนุ่มและเนียนขึ้น
- ร้อยละ 94 ของผู้เข้าร่วมการทดสอบรู้สึกว่าผิวแลดูเปล่งปลั่ง
ผลลัพธ์หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ อ้างอิงจากการศึกษาการรับรู้ของผู้บริโภคและการศึกษาทางคลินิกเป็นเวลา 4 สัปดาห์
ผลลัพธ์หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ อ้างอิงจากการศึกษาการรับรู้ของผู้บริโภคและการศึกษาทางคลินิกเป็นเวลา 4 สัปดาห์