วิธีล้างเครื่องสำอาง เป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนต้องเรียนรู้เอาไว้ ไม่แพ้ไปกว่าวิธีการแต่งหน้าเลย ปฏิเสธไม่ได้ว่า สาวๆ หลายคนขาดเมคอัพก็เหมือนขาดใจ แถมบางคนใช้เวลาแต่งหน้านานกว่าเวลาที่ใช้อาบน้ำเสียด้วยซ้ำ

แต่อย่าลืมว่าตอนแต่งพิถีพิถันยังไง ตอนล้างออกก็ต้องใส่ใจไม่ต่างกัน เพราะถ้าเราทำความสะอาดแบบผิดๆ อาจส่งผลให้มีสิ่งตกค้างบนผิวหน้า ก่อให้เกิดปัญหาผิวตามมา

มาดูว่าการล้างเครื่องสำอางแบบผิดๆ มีอะไรบ้าง จะได้เลิกทำกันเสียที!

 

1. ล้างลิปสติกเป็นอันดับสุดท้าย

ในตอนที่ล้างเครื่องสำอาง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ล้างเบส และรองพื้นบนผิวหน้าเป็นอันดับแรกเลยล่ะก็ ต้องรีบเปลี่ยนวิธีด่วนค่ะ เพราะการล้างเครื่องสำอางที่ถูกต้องควรเริ่มต้นที่การล้างลิปสติกบนริมฝีปากเสียก่อน เพื่อให้ลิปสติกไม่ไปเปื้อนส่วนอื่นๆ บนใบหน้า และถ้าให้ดี ควรแยกแผ่นสำลีที่ใช้เช็ดลิปสติก กับรองพื้นบนผิวหน้าออกจากกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติกไปเปื้อนส่วนอื่นๆ บนผิวหน้าค่ะ

2. ล้างเครื่องสำอางบนเปลือกตาด้วยการขยี้แรงๆ

การเช็ดเครื่องสำอางด้วยการขยี้แรงๆ ไม่ได้หมายความว่าจะยิ่งทำให้เครื่องสำอางหลุดจากผิวหน้าเราไปได้มากขึ้นนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบริเวณผิวรอบดวงตา เป็นเขตต้องห้ามใช้ความรุนแรงด้วยการขยี้ เพราะผิวหนังบริเวณนี้มีความบอบบาง ยิ่งขยี้แรงๆ ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองได้ วิธีการที่ถูกต้องก็คือ เท Eye Remover ลงบนแผ่นสำลี และกดลงไปเบาๆ บริเวณรอบดวงตาเป็นเวลา 30 วินาทีแล้วเอาออก วิธีการนี้จะช่วยให้พวกอายไลน์เนอร์ อายแชโดว์ ออกได้ดี ส่วนมาสคาร่า ก็ไม่ควรล้างด้วยการเช็ดแบบปาดขึ้น หรือดันขนตาขึ้นด้านบน แต่ควรใช้แผ่นสำลีช้อนใต้ขนตา แล้วใช้นิ้วกดด้านบนของขนตา แล้วค่อยรูดลงเช็ดออกค่ะ

 

วิธีล้างเครื่องสำอาง_2

 

 

3. ใช้สำลีแค่แผ่นเดียวล้างเครื่องสำอางทั้งหน้า

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเบส รองพื้น คอนซีลเลอร์ แป้งรองพื้น แน่นอนว่า ใช้แค่สำลีแผ่นเดียวคงไม่พอค่ะ เพราะว่าจะเช็ดได้ทั่วทั้งหน้า สำลีเราก็เลอะไปด้วยเครื่องสำอาง และสำลีที่เลอะแล้วจะพาสิ่งสกปรกที่เราเช็ดออกมานั้นไปเลอะบนผิวหน้าบนส่วนอื่นๆ แทนที่จะทำความสะอาดได้หมดจด กลายเป็นว่าจะยิ่งทำให้หน้าสกปรกกว่าเดิมแทน

4. ใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอางทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว

บางคนก็เลือกใช้วิธีการล้างเครื่องสำอางด้วยการใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอาง หรือ Remover Wipe แม้เจ้าแผ่นเช็ดเครื่องสำอางนี้จะใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และดูเหมือนว่าจะเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าเราออกได้อย่างหมดจดแล้ว แต่การใช้แค่แผ่นนี้ล้างหน้ายังไม่เพียงพอค่ะ เพราะมันแค่ล้างเครื่องสำอางบางส่วนบนผิวหน้าเราออกไปเท่านั้น เพื่อความสะอาดที่ล้ำลึก ต้องล้างหน้าอีกรอบหนึ่ง หรือจะใช้ Cleansing เช็ดทำความสะอาดอีกรอบก็ไม่ว่ากัน

5. ใช้ Cleansing ไม่เหมาะกับสภาพผิว

Cleansing แต่ละประเภท ให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่แตกต่างกัน เราควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา โดยทั่วไปแล้ว Cleansing Oil จะสามารถล้างเครื่องสำอางออกได้อย่างหมดจดมากที่สุด แม้จะเป็น Oil แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนผิวมันจะใช้ไม่ได้เลยนะคะ เพราะอาการแพ้ หรือมีสิวขึ้นในบางครั้ง อาจไม่ได้เป็นที่ตัวน้ำมัน แต่อาจขึ้นอยู่กับส่วนผสมอื่นๆ ก็ได้

 

วิธีล้างเครื่องสำอาง_3

 

 

6. ทาครีมกันแดดแล้วไม่ใช้ Cleansing

อย่ามองว่า ครีมกันแดดไม่ใช่เครื่องสำอางชนิดหนึ่ง หรือไม่ทำให้รูขุมขนเราอุดตันได้เท่ากับรองพื้น หรือแป้ง แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ใช้แค่โฟมล้างหน้า แล้วจะล้างครีมกันแดดออกได้อย่างหมดจดจริงๆ แท้จริงแล้วครีมกันแดดก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถอุดตันรูขุมขนได้เช่นเดียวกัน ฉะนั้น เพื่อความมั่นใจในความสะอาดบนใบหน้า ควรใช้ Cleansing ในการเช็ดล้างครีมกันแดดออกไปก่อน แล้วจึงตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าอีกครั้ง

7. ใช้แค่ Cleansing แล้วจบ

ไม่ใช่ว่าล้างเครื่องสำอางด้วย Cleansing แล้ว ถือว่าสิ้นสุดขั้นตอนการทำความสะอาดผิว เพราะการใช้ Cleansing ล้างทำความสะอาดนั้น ทำได้แค่ขจัดเครื่องสำอางออกไปเท่านั้น แต่สิ่งสกปรกอื่นๆ ใช่ว่าจะถูกล้างออกไปหมด เพื่อความสะอาดอย่างหมดจด เราควรล้างด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าอีกรอบหนึ่ง ในทางกลับกันเราก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ล้างทั้งเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกเพียงรอบเดียว เพราะอาจทำให้มีสิ่งตกค้างบนผิวหน้าเราได้ ทางที่ดีควรใช้ Cleansing ในการทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อน และค่อยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ทำความสะอาดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินบนใบหน้าอีกรอบหนึ่ง ซึ่งการล้างหน้าที่ถูกวิธีจะช่วยให้หน้าใสขึ้นได้ด้วย

     หากเครื่องสำอางเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความจำเป็นในชีวิตเรา และเราก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการแต่งหน้าให้ดูสวยขึ้น ก็อย่าลืมที่จะเพิ่มเวลาให้กับการล้างเครื่องสำอางและผิวหน้าด้วย เพราะนี่คืออีกหนึ่งเคล็ดลับผิวหน้าสวยใสที่ไม่ควรมองข้าม

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก idskinexpert