เทศกาลปีใหม่ผ่านไป ก็มาถึงคิววันมหัศจรรย์ของเด็ก ๆ
ที่ถูกกำหนดให้เป็นวันเสาร์ที่ 2 ของปี ซึ่งปีนี้ก็ตรงกับวันที่ 11 มกราคม 2563
และคำขวัญวันเด็กปีนี้คือ "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย"
วันเด็กเป็นวันที่น้อง ๆ หนู ๆ ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเป็นพิเศษ พอถึงวันเด็กก็จะตื่นเต้นที่สุด
บางโรงเรียนจะจัดกิจกรรมต่างๆให้ มีกิจกรรมสนุก ๆ หลาย ๆ อย่าง
เช่น กินวิบาก แข่งเก้าอี้ดนตรี เกมส์เหยียบลูกโป่ง ประกวดร้องเพลง และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ใหญ่ใจดีนำขนม อาหารมาเลี้ยงมากมาย มีความสุข สนุกสนานที่สุด
ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ.2498
ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ
เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนเองในประเทศ
โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคมเตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังสำคัญของชาติ
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตนเอง
เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทั้งนี้ งานวันเด็กแห่งชาติในอดีตจะจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ.2506
และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ.2508
โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันนี้ ทุกคนคงต้องยอมรับกันนะค่ะว่า เด็กและเยาวชนไทยส่วนใหญ่ยังคงมีปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขมากมาย
ความประพฤติเสื่อมเสียมาก ทั้งทางกาย วาจา และใจ เช่น พูดจาคำหยาบ ไม่สุภาพอ่อนโยน ชอบเที่ยวเตร่ไปในทางที่ไม่ดี
แต่งกายไม่สุภาพ จิตใจฟุ้งซ่าน หรือคิดแต่ทางเพ้อฝันไม่ดีงาม คงเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของสังคมเป็นประเด็นสำคัญ
เป็นต้นว่า เอาตัวอย่างผู้ใหญ่ที่ประพฤติไม่ดี เอาตัวอย่างจากสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุ สื่อออนไลน์และหนังสืออ่านเล่น
สิ่งเหล่านี้ล้วนชักจูงให้เยาวชนเลียนแบบหรือประพฤติตามโดยไม่คำนึงถึงผล เสียหาย
ผู้ใหญ่ทั้งหลายท่องไว้เช่นเดียวกับเด็กว่า ผู้ใหญ่คือแบบอย่างของเด็ก เด็กคืออนาคตของชาติ
ส่วนเด็กก็ต้องเชื่อฟัง พ่อ-แม่ ครู-อาจารย์ และคำตักเตือนจากผู้ใหญ่ อนาคตไปหนู ๆ จะเจริญ
ขอบคุณภาพจาก : นายนนภัทร์ ขาวผ่อง, pinterest