SideEffectFood_FeatureImage

ในวันหนึ่งๆ เรากิน อาหาร ต่างๆ เข้าไปในร่างกายของเรามากมาย จนบางครั้งเมื่อเมื่อเราล้มป่วย ก็แทบจะระบุอาหารที่เป็นสาเหตุให้ป่วยไมไ่ด้เลย แต่ถ้าเรากำลังจะบอกว่า การที่คุณท้องเสียเมื่อครั้งล่าสุดนั้น มีสาเหตุมาจากหมากฝรั่งของคุณ ไม่ได้ร้าน อาหาร ข้างทางอย่างที่คุณเข้าใจล่ะ? หรือการที่คุณมีกลิ่นตัวนั้นเป็นเพราะเนื้อที่คุณกินเข้าไป ไม่ใช่เพราะคุณรักษาความสะอาดของร่างกายไปล่ะ ใช่แล้ว เรากำลังบอกคุณว่า อาหารที่คุณกินอยู่เป็นประจำนี่เอง ที่เป็นสาเหตุของเรื่องต่างๆ ที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง…

SideEffectFood_Meat

การกินเนื้อแดงทำให้เกิดกลิ่นตัวได้

6. เนื้อแดงทำให้เกิดกลิ่นตัว

เนื้อแดงนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้คุณผู้ชายทั้งหลายที่ร่างกายที่แข็งแรง ดึงดูดใจสาวๆ มากมาก แต่จากผลการวิจัยในปี 2006 จากการนำผู้ชาย 17 คนมาทดสอบการกินอาหารเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่กินเนื้อแดงและกลุ่มที่ไม่ได้กิน เมื่อครบกำหนด 2 สัปดาห์ ก็นำกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้มาโชว์ให้สาวๆ 30 คนได้พิจารณา โดยกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้กินเนื้อแดง ได้รับการโหวตว่ามีกลิ่นตัวที่น่าหลงไหลมากกว่า และเมื่อทดสอบด้วยการให้กลุ่มตัวอย่างสลับอาหารที่กิน กลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้กินเนื้อแดงก็ยังคงได้รับผลโหวตสูงกว่าเหมือนเดิม โดยยังไม่พบเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนของความเชื่อมโยงระหว่างกลิ่นตัวกับการกินเนื้อแดง

SideEffectFood_Gum

ในหลายๆ บริบท การเคี้ยวหมากฝรั่งถือว่าไม่สุภาพ

5. การเคี้ยวหมากฝั่งแบบปราศจากน้ำตาลทำให้ท้องเสียได้

การเคี้ยวหมากฝรั่งทำให้ลมหายใจสดชื่น แม้แต่ทันตแพทย์ก็แนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งเนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายและช่วยให้กรามแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ การเคี้ยวหมากฝรั่งยังไม่ทำให้คุณอ้วน แต่อาจทำให้คุณต้องเสียน้ำมากอย่างคาดไม่ถึง และผู้ร้ายในเรื่องนี้คือสารสร้างความหวานที่เรียกว่า ซอร์บิทอล ซึ่งมักพบในหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล และเป็นสารที่ไม่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และสารที่ไม่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายส่วนใหญ่ก็ทำให้ท้องร่วงได้ทันที แต่อย่าเข้าใจผิดไป การเคี้ยวหมากฝรั่งในปริมาณที่ไม่มากนักไม่ส่งผลอะไรต่อร่างกาย แต่หากคุณเป็นคนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลา และต้องเปลี่ยนหมากฝรั่งอยู่เสมอแล้วละก็ ขอเตือนให้อยู่ใกล้ๆ ห้องน้ำไว้ดีกว่า

SideEffectFood_Ceronoid

นอกจากแคโรทีนอยด์แล้ว ในผักผลไม้สีส้มมีแบต้าแคโรทีนอยู่ด้วย

4. ผักและผลไม้บางอย่างทำให้ผิวของคุณเป็นสีแทน

เคยเห็นในการ์ตูนไหม ที่เวลาตัวการ์ตูนกินแครอทเข้าไปเยอะๆ แล้วตัวเปลี่ยนเป็นสีส้มน่ะ มันเกิดขึ้นได้จริงนะ แคโรทีนอยด์ เป็นเม็ดสีที่พบได้ในผักและผลไม้จำพวกแครอท ลูกพลัม และแตงกวา สารนี้จะถูกส่งไปยังผิวหนังของมนุษย์ทำให้ผิวมีสีออกเหลืองจางๆ และหากกินเข้าไปในปริมาณที่มาก มันก็สามารถทำให้ผิวของเรามีสีเหลืองส้มผิดปกติได้

มีงานวิจัยมากมายที่ศึกษาถึงความเชื่อมโยงระหว่างสีผิวที่เกิดจากแคโรทีนอยด์กับสิ่งที่คนอื่นมองคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นต้องการเห็นคุณเปลือย ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ คนส่วนใหญ่มองว่า ผิวใสสีออกไปทางเหลืองส้มนั้นมีเสน่ห์มากกว่า และนักวิจัยจำนวนไม่น้อยก็สรุปประเด็นนีั้ว่า เป็นคำบอกใบ้ในการจับคู่ นั่นเอง เพราะโดยพื้นฐานแล้ว สีผิวเฉดเหลืองส้มนั้น แสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่สุขภาพดี อันเป็นตัวเลือกคู่ชีวิตที่ดีกว่านั่นเอง

SideEffectFood_Grapfruit

การกินเกรปฟรุตก่อนหรือหลังกินยา อาจทำให้ยาที่กินนั้นไม่ได้ผล

3. เกรปฟรุตสามารถทำให้ยาที่คุณกินหมดฤทธิ์ได้

มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจนัก ถ้าได้ยินว่ากาแฟและลูกอมที่ผสมสารเคมีมีผลต่อระบบร่างกายของคุณ แต่เกรปฟรุตนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่ามันเป็นผลไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของการมีสุขภาพดี ที่มีทั้งวิตามินซีและแอนตี้อ็อกซิแดนท์อยู่ แถมยังช่วยลดปริมาณของคลอเรสตอรอลลงได้ด้วย แต่ความจริงก็คือ เกรปฟรุตนั้นสามารถหยุดการทำงานของเอนไซม์บางตัวได้ โดยเฉพาะเอนไซม์ในลำไส้เล็กที่ทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมยาที่เรากินลงไปเข้าสู่ร่างกายของเรา และแม้แต่น้ำเกรปฟรุตแค่แก้วเดียวก็สามารถหยุดยั้งการทำงานของเอนไซม์ได้อย่างเต็มที่ และมีผลต่อเนื่งถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้น หากคุณป่วยแล้วจำเป็นต้องกิน ก็ควรงดการกินหรือน้ำเกรปฟรุตเอาไว้ก่อนดีกว่า

SideEffectFood_Coffee

การดื่มกาแฟปริมาณมากๆ อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน

2. การดื่มกาแฟมากเกินไปทำให้หูแว่ว

กาแฟเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานของคนจำนวนมาก และช่วยให้เราทำงานหนักอยู่ได้ในชีวิตยุคปัจจุบันอันรีบเร่ง แต่แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย งานวิจัยจากออสเตรเลียก็ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคกาแฟในปริมาณมากสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่สมองของคุณได้ และสามารถให้คุณมีอาการจิตเภทได้เลยทีเดียว งานวิจัยนี้ทดสอบด้วยการให้ผู้เข้าร่วมการวิจัย นั่งฟังเสียงขาวเป็นเวลา 3 นาที และกดปุ่มเมื่อพวกเขาได้ยินเพลงที่กำหนดไว้ดังขึ้น

ความเป็นจริงก็คือ ในเทปที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยนี้ฟัง ไม่มีเพลงนี้บรรจุอยู่เลย แต่ตัวอย่างในการวิจัยที่ดื่มกาแฟมากว่า 5 แก้วต่อวันมีแนวโน้มที่จะ “คิด” ว่าตัวเองได้ยินเพลง ซึ่งนักวิจัยได้อธิบายว่า ผู้ที่มีระดับคาเฟอันและความเครียดสูง มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมเกินจากความเป็นจริงไปมาก หรือในกรณีนี้ก็คือ การได้ยินเสียงที่ไม่มีอยู่จริงนั่นเอง

SideEffectFood_Soy

ในถั่วเหลืองมีโปรตีน ที่สามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้

1. ถั่วเหลืองทำให้จำนวนสเปิร์มลดลง

ตามปกติแล้ว ถั่วเหลือถือเป็นอาหารผู้ที่กินมังสวิรัตินิยมเลือกมาแทนเนื้อสัตว์ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ถั่วเหลืองนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในน้ำมันถั่วเหลือง หรือแม้แต่ในซีอิ๊ว ที่ใช้ปรุงอาหารแทบจะทุกจาน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการวิเคราะห์ว่าผู้ชาย 99 คนที่ได้บริจากสเปิร์มนั้นกินอาหารอะไรบ้าง โดยสังเกตอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองเป็นพิเศษ โดยนักวิจัยได้สังเกตเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคอาหารที่ทำมาจากถั่วเหลืองกับจำนวนสเปิร์มที่ร่างกายผลิต ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้ชายที่กินอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองเป็นประจำมีจำนวนสเปิร์มโดยเฉลี่ยมากกว่าผู้ที่ไม่ได้กินถึง 41 ล้านตัวต่อมิลลิลิตรเลยทีเดียว