โรคตับ อาการแสดงชัดว่าเราเสี่ยงที่ตับจะไม่สบาย เช็กไว้ให้รู้ก่อนสาย โอกาสหายจากโรคก็มากกว่า
ความเสี่ยงโรคตับมีอยู่ในตัวเราทุกคนค่ะ ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำเท่านั้น เพราะหน้าที่ของตับคือช่วยคัดกรองทั้งสารอาหารและช่วยกำจัดของเสียไปในคราวเดียวกัน ซึ่งภาระนี้ก็หนักหนาสาหัสใช่ย่อย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตับของเรายังสบายดีอยู่ หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเครื่องในส่วนสำคัญส่วนนี้ซะแล้ว เอาเป็นว่ามาเช็กอาการโรคตับเบื้องต้นจาก 15 สัญญาณเหล่านี้กันเลย
1. ตาเหลือง
เพราะเลือดมีปริมาณบิลิรูบิน (Bilirubin) มากเกินไป จากการที่ตับทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้บิลิรูบินคั่งอยู่ในกระแสเลือด และมีโอกาสเข้าไปจับตัวกับเนื้อเยื่อต่าง ๆ ก่อให้เกิดอาการตาขาวกลายเป็นสีเหลือง หรือหากอาการหนักมากตัวก็อาจเป็นสีเหลืองไปด้วย
2. ตาขาวมีเส้นเลือดปรากฏ
เมื่อตับทำงานบกพร่อง หรือทำงานหนักเงินไป อาจส่งสัญญาณมาถึงร่างกาย ทำให้มีอาการตาแดง มีเส้นเลือดขึ้นในตาขาวอย่างชัดเจน แม้จะไม่ได้ใช้งานสายตามากเลยก็ตาม
3. น้ำตาคลอตลอดเวลา
ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน จะถือเอาว่าตับเป็นหน้าต่างของดวงตา ฉะนั้นหากเกิดความผิดปกติต่อดวงตา เช่น จู่ ๆ ก็มีน้ำตาคลอตลอดเวลา โดยที่ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกใด ๆ หรือไม่มีปัจจัยเร้าอย่างฝุ่นมาทำให้ดวงตาระคายเคือง แบบนี้อาจแปลได้ว่าตับกำลังส่งสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือจากคุณอยู่
4. หน้าคล้ำ หมอง
หากตับทำงานได้ไม่เป็นปกติ ไม่สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างที่ควรจะเป็น อาจมีอาการใบหน้าหมองคล้ำไม่ผ่องใสให้เห็นกันบ้าง โดยเฉพาะหากมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาระหว่างคิ้วหรือขมับ อาการนี้ค่อนข้างชัดว่าใช่
5. หลอดเลือดดำใต้โคนลิ้นขอด
หากหลอดเลือดดำ 2 เส้นบริเวณใต้โคนลิ้นมีลักษณะคล้ำผิดปกติ โป่งพอง หรือคดงอผิดรูป อาจเป็นไปได้ว่าระบบหมุนเวียนเลือดกำลังมีปัญหา ที่อาจมีต้นตอมาจากการทำงานบกพร่องของตับ
6. เล็บเปราะหักง่าย
เมื่อตับทำงานได้ไม่เต็มที่ แสดงว่าร่างกายเราอาจได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอไปด้วย เพราะอย่าลืมว่าตับจะช่วยคัดกรองสารอาหารเพื่อป้อนเข้าสู่ร่างกายอีกที ด้วยเหตุนี้ในผู้ป่วยโรคตับอาจมีอาการเล็บเปราะ หักง่ายด้วย
7. ผิวบอบช้ำง่าย
ตับทำงานได้ไม่ดี การหมุนเวียนของเลือดก็ย่อมมีปัญหา ซึ่งจุดนี้อาจทำให้เส้นเลือดเปราะบางไม่แข็งแรง จนกลายเป็นคนที่มีผิวบอบบางช้ำง่าย โดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นรอยช้ำ หรือมีเลือดออกง่ายผิดปกติ
8. เลือดออกที่เหงือก
ดูคล้าย ๆ โรคเหงือกที่เกิดจากปัญหาสุขภาพฟัน แต่หากพบทันตแพทย์แล้วยังรักษาไม่หาย นั่นอาจแปลได้ว่าตับกำลังมีปัญหา โดยอาจมีภาวะตับอักเสบหรือเป็นโรคตับแข็ง
9. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
หากมีอาการอ่อนเพลียเป็นประจำ ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย ทั้งยังมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด และอาเจียนร่วมด้วย อย่างนี้ควรไปตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติที่แน่ชัด เพราะคุณอาจเสี่ยงเป็นโรคตับหรือมะเร็งตับได้
10. ปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการปวดท้องแบบระบุตำแหน่งได้ไม่ชัด หรือมีอาการปวดท้องบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าตับกำลังมีปัญหา มีความเสี่ยงโรคมะเร็งในท่อน้ำดีและมะเร็งตับได้
11. ปัสสาวะเป็นสีคล้ำ
แม้จะดื่มน้ำมากแล้วแต่ปัสสาวะก็ยังมีสีคล้ำ แบบนี้ให้สังเกตตัวเองให้ดีว่ามีอาการบ่งชี้อื่น ๆ เช่น ตาเหลือง ผิวเหลือง ร่วมด้วยหรือเปล่า
12. ผิวแห้ง คันตามเนื้อตามตัว
เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นและสารอาหารจากการที่ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็อาจทำให้เกิดอาการผิวแห้งตึง นำมาซึ่งอาการคันตามเนื้อตามตัวเป็นลำดับต่อไป
13. ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
เมื่อตับมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ระบบเผาผลาญของเราจะลดลงไปด้วย ส่งผลให้อาหารที่กินเข้าไปไม่ย่อย ก่อให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้
14. ท้องโต เท้าบวม
เพราะการดูดซึมของตับลดประสิทธิภาพลง จึงทำให้มีอาการท้องบวม ขาบวม และหากมีไข้เรื้อรังร่วมด้วย อันนี้ส่อสัญญาณอันตรายมากขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจน
15. บุคลิกภาพหรือไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป
ในบางรายอาจมีอาการขี้หลงขี้ลืมง่ายขึ้น ไม่มีสติ เปลี่ยนเวลานอน หรือดูไม่เหมือนคนเดิมได้ นั่นเพราะมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายจนเลือดไหลเวียนไม่ดี ออกซิเจนที่มีในร่างกายก็น้อยลง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อบุคลิกภาพและการดำเนินชีวิตในบางส่วน
อาการส่อสัญญาณโรคตับดังกล่าวอาจเป็นเพียงข้อสังเกตในเบื้องต้นเท่านั้น แต่หากไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความเสี่ยงโรคตับมากน้อยแค่ไหน แนะนำให้ไปตรวจกับแพทย์โดยตรงจะดีกว่านะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
RM Healthy
healthliving.today
active beat
ที่มา:kapook