วิธีออกกำลังกายแนวใหม่ที่น่าลองแบบสุด ๆ มาสลัดอาการเบื่อให้หายเป็นปลิดทิ้งด้วยการออกกำลังกายเหล่านี้กันเถอะ

           อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่ทำให้หลายคนหยุดออกกำลังกายไป นั่นก็คืออาการเบื่อที่ต้องออกกำลังกายแบบเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ที่แม้จะเปลี่ยนท่าทางหรือเพิ่มความหนักหน่วงเข้าไปก็ยังไม่ทำให้ความรู้สึกเบื่อหายไปอยู่ดี แต่อย่าเพิ่งถอดใจไป ใครที่ไม่อยากทนกับความจำเจในการออกกำลังกาย ลองมาดูวิธีการออกกำลังกายแบบใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งได้ทั้งความเพลิดเพลิน และรูปร่างที่ฟิต แอนด์ เฟิร์มไปพร้อม ๆ กัน สลัดอาการเบื่อและความขี้เกียจไปด้วยการออกกำลังกายเหล่านี้กันดีกว่า จะได้มีหุ่นสวย ๆ และร่างกายที่แข็งแรง 
 

อัลฟา กราวิตี้


1. อัลฟา กราวิตี้ (Alfa Gravity)

           การออกกำลังกายแบบอัลฟา กราวิตี้เป็นการออกกำลังกายแนวใหม่ที่เน้นการต้านแรงโน้มถ่วงเป็นหลัก การออกกำลังกายชนิดนี้ถือเป็นการออกกำลังกายที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ เนื่องจากจะต้องใช้แรงในการห้อยโหนร่างกายบนเชือก นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการทรงตัว เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย ที่สำคัญยังเสริมความอึดให้ร่างกายได้อีกด้วย 
 

คาร์ดิโอลาทีส


2. คาร์ดิโอลาทีส (Cardiolates)

           ถ้าคุณกำลังเบื่อการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอละก็ ขอแนะนำการออกกำลังกายแบบใหม่ ที่นำเอาการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและการออกกำลังกายแบบพิลาทีสมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยการออกกำลังกายนี้คือการออกกำลังกายด้วยท่าทางต่าง ๆ ในขณะที่กระโดดอยู่บนแทรมโพลีน ซึ่งผลดีของการออกกำลังกายแบบนี้คือ ช่วยปรับบุคลิกภาพ อีกทั้งยังช่วยให้เผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าการจ๊อกกิ้ง แถมยังช่วยทำให้การออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากขึ้น
 

ออกกำลังกายแบบ HIIT


3. การออกกำลังกายแบบ HIIT (HIIT training)

           หลายคนอาจจะได้รู้จัก HIIT กันบ้างแล้วแต่ยังไม่เคยลอง ซึ่งขอบอกว่าถ้าใครที่กำลังเบื่อ ๆ กับการออกกำลังกายแบบเดิม ๆ ขอให้รีบมาลองเลยค่ะ เพราะการออกกำลังกายแบบ HIIT นี้ ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเบิร์นไขมันได้มากสุด ๆ ในเวลาเพียง 20 นาทีต่อวัน โดยหลักในการออกกำลังกายชนิดนี้ก็คือ การออกกำลังกายแบบหนักและเบาสลับกันในอัตราส่วน 1 : 2 (หนัก 15 วินาที เบา 30 วินาที) 1 : 3 (หนัก 15 วินาที : เบา 45 วินาที) หรือเป็น 1:1 (หนัก 30 วินาที เบา 30 วินาที) ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้จะกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่การออกกำลังกายชนิดนี้ค่อนข้างจะหนักหน่วง ฉะนั้นหากคิดจะเริ่มควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า
 

โยคะบนลูกบอล


4. โยคะบนลูกบอลนวดบำบัด (Yoga Tune-Up)

           การผสมผสานการฝึกโยคะและการบำบัดด้วยลูกบอลบำบัด ทำให้ผลดีที่จะได้จากการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ไม่ใช่แค่ช่วยเผาผลาญแคลอรีในร่างกาย แต่ยังช่วยปรับบุคลิกภาพ แถมลดอาการปวดเมื่อยในร่างกายได้ด้วยการใช้ลูกบอลบำบัดไว้ตรงบริเวณที่ปวดเมื่อยในขณะที่ฝึกโยคะ ได้ประโยชน์ดีหลายต่อเลยทีเดียวเชียว
 

ครอสฟิต


5. ครอสฟิต (CrossFit)

           ครอสฟิตเป็นการออกกำลังกายที่มีความหนักหน่วงเหมือนการออกกำลังกายแบบ HIIT แต่ที่แตกต่างกันก็คือ ครอสฟิตจะเป็นการออกกำลังกายแบบกลุ่ม และเป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานกันระหว่างการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และการเล่นเวทได้อย่างลงตัว โดยในการออกกำลังกายจะมีทั้งการวิ่ง กระโดด ยกน้ำหนัก ปีน โยนหรือทุ่มสิ่งของ ทำให้การออกกำลังกายไม่รู้สึกจำเจ และเพลิดเพลินกับการออกกำลังกายมากขึ้น ทั้งนี้การออกกำลังกายแบบครอสฟิต ความหนักหน่วงจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนด้วย
 

ศิลปะป้องกันตัวแบบผสม


6. ศิลปะป้องกันตัวแบบผสม (Mixed Martial Arts)
           
           เป็นการออกกำลังกายที่ได้ทั้งผลดีต่อร่างกาย และเพิ่มทักษะในการป้องกันตัวเองจากอันตรายไปในตัว การฝึกศิลปะป้องกันตัวแบบผสมนี้ อาจจะเป็นการออกกำลังกายที่โหดไปเสียหน่อย เพราะอัตราการเกิดการบาดเจ็บสูงกว่าการออกกำลังกายอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย แต่ผลที่ได้นั้นไม่ใช่เล่น ๆ เพราะทั้งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังฝึกการทรงตัว ทำให้ฟิต แอนด์ เฟิร์มได้แบบมีทักษะในการต่อสู้ ดีขนาดนี้ต้องลองแล้วล่ะ
 

ปีนหน้าผาจำลอง


7. ปีนหน้าผาจำลอง (Bouldering)

           การปีนหน้าผาจำลองเป็นการกิจกรรมที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว เป็นการออกกำลังกายที่ได้ทั้งความเพลิดเพลิน และร่างกายที่แข็งแรง เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบทั้งร่างกาย ใครที่อยากมีหุ่นเฟิร์ม ๆ ด้วยการออกกำลังกายที่ไม่ทำให้รู้สึกจำเจ ปีนหน้าผ้าจำลองนี่ล่ะเหมาะกับคุณ
 

การเต้นซุมบ้า


8. การเต้นซุมบ้า (Zumba)

           สำหรับคนที่รักการเต้น ขอแนะนำการเต้นแบบซุมบ้า ที่ถือเป็นหนึ่งในการเต้นเพื่อการออกกำลังกายที่ได้ผลดีสุด ๆ แค่เพียง 1 ชั่วโมงในการเต้นซุมบ้า ก็เผาผลาญแคลอรีได้ถึง 1,000 กิโลแคลอรีเลยล่ะ นอกจากนี้การเต้นยังเป็นการผ่อนคลายอีกด้วย ทั้งคลายความเครียด ความเมื่อยล้า และได้ออกกำลังกายไปในตัว
 

ปั่นจักรยานในน้ำ


9. ปั่นจักรยานในน้ำ (Aqua Biking)

           อีกหนึ่งการออกกำลังกายที่นำการออกกำลังกายที่ได้ประสิทธิภาพสูงมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว กับการนำเอาการออกกำลังกายในน้ำ และการปั่นจักรยานมารวมเข้าด้วยกัน โดยข้อดีของการออกกำลังกายแบบนี้คือ ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 700 กิโลแคลอรีภายในเวลาแค่ 45 นาที อีกทั้งยังช่วยสลายไขมันและเซลลูไลท์ได้ ลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกายซึ่งเป็นข้อดีในการออกกำลังกายในน้ำ รวมทั้งลดความดันโลหิต ซึ่งการออกกำลังกายอื่นก็ทำไม่ได้
 

การออกกำลังกายกับบาร์


10. การออกกำลังกายกับบาร์ (Barre Exercise)

           ปิดท้ายด้วยการออกกำลังกายกับบาร์ที่นำเอาการฝึกบัลเลต์และการออกกำลังกายแบบพิลาทีสมารวมเข้าด้วยกัน ซึ่งได้ผลดีทั้งในเรื่องเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และบุคลิกภาพที่สวยงาม เรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายที่คุ้มค่าวิธีหนึ่งเลยค่ะ

           เป็นอย่างไรกันบ้างกับการออกกำลังกายแบบใหม่ ๆ ที่หยิบมานำเสนอ คงจะพอทำให้คนที่กำลังอยู่ในขั้นเบื่อการออกกำลังกายได้มีทางเลือกใหม่ ๆ กันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้วย เพราะถ้าหากเลือกออกกำลังกายแบบหนัก ๆ แต่ร่างกายไม่พร้อม แทนที่จะได้สุขภาพดีอาจจะได้รับการบาดเจ็บแทนค่ะ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
theactivetimes.com  
buro247.me 
thestar.com